slide 1
slide 1
Image Slide 2
Image Slide 2
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow
Homeข่าวสารข่าวรถยนต์BOI อนุมัติ EV 3.5 สนับสนุนรถไฟฟ้า100% ต่อ เงินสนับสนุนส่วนลด 100,000 บาท นำเข้า 1 ผลิตชดเชย...

BOI อนุมัติ EV 3.5 สนับสนุนรถไฟฟ้า100% ต่อ เงินสนับสนุนส่วนลด 100,000 บาท นำเข้า 1 ผลิตชดเชย 2 คัน

ไปต่อ ! BOI อนุมัติมาตรการ EV 3.5 สนับสนุนรถไฟฟ้า100% ต่อเนื่อง ส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท นำเข้า – บังคับผลิตในไทยชดเชย ดันประเทศไทย เป็นฐานรถไฟฟ้า100% ในภูมิภาคนี้ ! พร้อมขยายระยะเวลาจดทะเบียนถึง ปลายเดือน มกราคม 2024 สำหรับ EV 3.0 ส่วนลด 150,000 บาท

บอร์ด EV ไฟเขียว มาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV 3.5) ในช่วง 4 ปี (2024-2027) เดินหน้าสู่เป้าหมาย 30@30 ภายในปี 2030 ผลักดันไทยขึ้นแท่น ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า อันดับ 1 ของภูมิภาค และ Top 10 ของโลก

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า บอร์ด EV ชุดใหม่ ซึ่งมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ให้ความสำคัญในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค ตามนโยบาย 30@30 ที่ตั้งเป้าหมายการผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมด ภายในปี 2030

คิดเป็นกำลังการผลิตรถยนต์ประมาณ 725,000 คัน และ รถจักรยานยนต์ประมาณ 675,000 คัน


ทั้งนี้ บอร์ด EV ได้เห็นชอบมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 หรือ EV 3.5 ในช่วงระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2024 – 2027) เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และ เปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ๆ และสนับสนุนให้เกิดการลงทุนที่ครอบคลุมทั้งรถยนต์นั่ง รถกระบะไฟฟ้า และ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า

โดยให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการ EV 3.0 สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการใหม่นี้เพิ่มเติมได้ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของแต่ละมาตรการด้วย

สำหรับมาตรการ EV 3.5 รัฐจะให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า รถกระบะไฟฟ้า และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ตามประเภทของรถ และขนาดของแบตเตอรี่ ดังนี้

รถยนต์นั่ง (ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท)

  • ขนาดแบตเตอรี่ ตั้งแต่ 10 kWh แต่น้อยกว่า 50 kWh
    • ปี 2567 จะได้รับเงินอุดหนุน 50,000 บาท/คัน
    • ปี 2568 จะได้รับเงินอุดหนุน 35,000 บาท/คัน
    • ปี 2569 – 2570 จะได้รับเงินอุดหนุน 25,000 บาท/คัน (เฉพาะที่ผลิตในประเทศเท่านั้น)
  • ขนาดแบตเตอรี่ ตั้งแต่ 50 kWh ขึ้นไป
    • ปี 2567 จะได้รับเงินอุดหนุน 100,000 บาท/คัน
    • ปี 2568 จะได้รับเงินอุดหนุน 75,000 บาท/คัน
    • ปี 2569 – 2570 จะได้รับเงินอุดหนุน 50,000 บาท/คัน (เฉพาะที่ผลิตในประเทศเท่านั้น)

รถยนต์นั่ง (ราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท)

  • ไม่ได้รับเงินสนับสนุน

โดยกลุ่มรถยนต์นั่ง ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า จาก 40% เหลือ 0% (เฉพาะที่ตามข้อตกลงการค้าเสรี คือ ประเทศจีน และ ประเทศในกลุ่ม ASEAN) หรือ มากสุด 40% และ ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้า จาก 8% เหลือ 2%


รถกระบะ (เฉพาะที่ผลิตภายในประเทศ และราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท)
  • ขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh ขึ้นไป จะได้รับเงินอุดหนุน 100,000 บาท/คัน และ ได้รับสิทธิอัตราภาษีสรรพสามิต ร้อยละ 0 ในปี 2567 – 2568 และอัตราภาษีร้อยละ 2 ในปี 2569 – 2570
รถจักรยานยนต์ (เฉพาะที่ผลิตภายในประเทศ และราคาไม่เกิน 150,000 บาท)
  • ขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 3 kWh ขึ้นไป จะได้รับเงินอุดหนุน 10,000 บาท/คัน และ ได้รับสิทธิอัตราภาษีสรรพสามิต ร้อยละ 1 ในปี 2567 – 2570

มาตรการ EV 3.5 จะมีการลดอากรนำเข้าไม่เกินร้อยละ 40 สำหรับการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูป (CBU) ในช่วง 2 ปีแรก (พ.ศ. 2567 – 2568) กรณีเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท และ ลดอัตราภาษีสรรพสามิตจากร้อยละ 8 เหลือร้อยละ 2 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท

โดย EV 3.5 ได้ตั้งเงื่อนไขกระตุ้นการลงทุนผลิตรถไฟฟ้า100% ในประเทศ ให้ผู้ได้รับการสนับสนุน ผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าภายในปี 2026 ในอัตราส่วน 1 : 2 (นำเข้า 1 คัน ผลิตชดเชย 2 คัน) และ จะเพิ่มอัตราส่วนเป็น 1 : 3 ภายในปี 2027 (เดิมผลิต 1 : 1 ภายในปี 2024 และ 1 : 2 ภายในปี 2025)

พร้อมทั้งกำหนดให้แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปที่นำเข้า และผลิตในประเทศไทยจะต้องได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และ ต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานตามมาตรฐานสากลจากศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC)

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้กรมสรรพสามิต ขยายเวลาการจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ EV 3.0 จากเดิมที่ต้อง จำหน่าย และ จดทะเบียนภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2023 ให้ ขยายเวลาเป็นต้องจำหน่ายภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2023 และ ต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 มกราคม 2024 เพื่อให้ผู้บริโภคที่จะตัดสินใจซื้อยานยนต์ไฟฟ้าภายในงาน Thailand International Motor Expo 2023 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2566 ยื่นจดทะเบียนได้ทันภายในเดือนมกราคม 2567

สรุปการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า100% มาตรการ EV 3.5 จากทางภาครัฐ แบ่งออกเป็น 3 หัวข้อ แบบมีเงื่อนไข* และ ปรับขยายระยะเวลา EV 3.0 ดังนี้

  • ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า จาก 40% เหลือ 0% หรือ มากสุด 40%
  • ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้า จาก 8% เหลือ 2%
  • เงินอุดหนุน รถไฟฟ้า100% สูงสุด 100,000 บาท ต่อคัน โดย นำเข้ามาจำหน่าย 1 คัน ผลิตในประเทศไทยคืน 2 คัน
  • EV 3.0 เดิมขยายเวลาจำหน่ายเป็นภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2023 และ ต้องจดทะเบียนภายในวันที่ 31 มกราคม 2024 (เดิม จำหน่าย และ จดทะเบียนภายใน 31 ธันวาคม 2023)

Update : 20/12/2566

นั่นแปลว่าตั้งแต่ปีหน้า 2024 / 2567 หลังวันที่ 31 มกราคม รถไฟฟ้า100% มีแนวโน้มราคาปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากเงินสนับสนุนลดลงจากเดิม ยกเว้นค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการ EV 3.0 เดิม เริ่มผลิตรถไฟฟ้า100% ในประเทศ เช่น NETA, GWM, MG ที่เริ่มในช่วงไตรมาส 1 และ BYD ในช่วงไตรมาส 3

  • NETA เริ่มผลิต รถไฟฟ้า100% ไตรมาส 1 ปี 2024
  • MG เริ่มผลิต รถไฟฟ้า100% ไตรมาส 1 ปี 2024
  • GMW เริ่มผลิต รถไฟฟ้า100% ไตรมาส 1 ปี 2024
  • BYD เริ่มผลิต รถไฟฟ้า100% ไตรมาส 3 ปี 2024

ส่วน ChangAn Deepal ประกาศราคา L07 / S07 โดยใช้เงื่อนไขมาตรการ EV 3.5 คาดว่าน่าจะคงราคาเดิม


อ่านข้อมูล ราชกิจจานุเบกษา เพิ่มเติม ได้ที่นี่ https://autolifethailand.tv/gov-tax-ev-bev-mou-thailand/

ประกาศ ราชกิจจาฯ ลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า100% แต่ต้องเซ็น MOU ลงทุนผลิตในไทยด้วย !

- Advertisement -spot_img
Mitsubishi Mega Deal
Mitsubishi Mega Deal
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน
previous arrow
next arrow
- Advertisement -spot_img

Stay Connected

400,000FansLike
6,955FollowersFollow
153,000FollowersFollow
319FollowersFollow
107,000SubscribersSubscribe

Must Read

Related News