เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา Honda ได้จัดงาน Honda Automotive Technology Workshop ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแถลงต่อสื่อมวชน เรื่องแผนการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ในรถยนต์ ที่จะเริ่มออกจำหน่ายในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ 2020 โดยมีเทคโนโลยีหลักด้วยกัน 3 อย่าง ประกอบด้วย platform สำหรับรถยนต์ Hybrid เจนเนอเรชั่นถัดไป, เทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ Hybrid รุ่นใหม่ขนาดใหญ่ ที่มีกำหนดการเปิดตัวในครึ่งหลังของทศวรรษ 2020 และ เทคโนโลยีหลักที่จะนำมาใช้เวอร์ชั่นผลิตจริงของ Super-ONE Prototype
สำหรับเทคโนโลยีจาก Honda ที่เราจะกล่าวถึงคือ platform สำหรับรถขนาดกลาง (mid-size) ซึ่งเป็นงานวิศวกรรมที่ควบรวมเทคโนโลยี Hybrid ขั้นสูงล่าสุดจาก Honda และมีกำหนดการเริ่มเปิดตัวตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป โดยจุดเด่นมีทั้งเรื่องโครงสร้างตัวถังแข็งแกร่ง แต่มีน้ำหนักเบา ทั้งยังมีความยืดหยุ่นสูงในการใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน ส่งผลให้การตอบสนอง ‘ขับสนุก’ ในแบบฉบับของ Honda นำไปสู่การขับขี่แบบสปอร์ต
platform แบบล่าสุดจาก Honda จะนำไปใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าด้วย พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ของการขับขี่ ผ่านการบริหารจัดการความแข็งของตัวถังในรูปแบบใหม่ นำไปสู่ความมั่นคงในการขับขี่ ไปพร้อมกับการรีดน้ำหนักลง และยังออกแบบมาให้มีการให้ตัวขณะเข้าโค้ง ซึ่งมีผลต่อน้ำหนักที่ตกลงไปยังล้อแต่ละล้อ และช่วยเพิ่มสมรรถนะการเกาะถนน ผลลัพธ์ที่ได้จึงรวมไปถึงความมั่นคงในการขับขี่ และประสบการณ์ขับขี่แบบสปอร์ต
คุณสมบัติถัดไปของ platform แบบล่าสุดจาก Honda คือน้ำหนักเบาลง 90 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับ platform ในปัจจุบัน ซึ่งเกิดจากการปรับโครงสร้างตัวถังใหม่ พร้อมกับใช้การออกแบบทางวิศวกรรมรูปแบบใหม่ด้วย ส่งผลให้รถยนต์ Hybrid จาก Honda ในอนาคตจะทั้งขับสนุกและประหยัดเชื้อเพลิง นอกจากนั้น Honda ยังตั้งเป้าให้รถยนต์ทุกรุ่นที่ใช้ platform นี้มีอัตราการใช้ชิ้นส่วนร่วมกันมากกว่า 60% ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาและผลิตรถยนต์รุ่นที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากตัว platform แบบใหม่ล่าสุดนี้ Honda ยังพัฒนาเทคโนโลยี ที่จะนำมาใช้ร่วมกันอย่างระบบ Motion Management System ที่รองรับการสั่งการผ่านการโบกมือ ซึ่งพัฒนาต่อมาจากเทคโนโลยีหุ่นยนต์ของ Honda ทั้งยังมี Agile Handling Assist ช่วยรักษาความนิ่มนวลขณะเข้าโค้ง ส่งผลให้ผู้ขับขี่ควบคุมได้ตามต้องการและยังมี Pitch Control ที่ควบคุมแรง G ที่เกิดขณะลดความเร็ว โดยแปรผันตามการหักพวงมาลัย ช่วยให้ล้อหน้ามีแรงยึดเกาะมากขึ้น
ที่มา: Honda






