นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย (Ford) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 6.4 แสนคัน ลดลงจากต้นปีที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 7.7 แสนคัน และลดลงจากปีก่อนที่อยู่ที่ 8.2-8.3 แสนคัน โดยลดลงในทุกตลาดได้แก่ รถกระบะ, พีพีวี และรถยนต์นั่ง มีอัตราลดลงในระดับ 40% ทุกตลาด ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปี ภาพรวมตลาดอยู่ที่ 3.7 แสนคัน
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะอัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ดลง แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการอนุมัติงบประมานเบิกจ่ายของรัฐบาลที่ล่าช้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปข้อมูล “แบงก์ชาติ” เรียกหน่วยงานในอุตฯยานยนต์ ประเมินภาพเศรษฐกิจ-ทำนโยบายและมาตรการ
ขณะที่ สถานการณ์หนี้ครัวเรือนสูง และอัตราหนี้เสีย เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์โดยเฉพาะในกลุ่มรถกระบะและรถที่มีราคาต่ำกว่า 6 แสนบาท และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ออกมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งกระทบต่อกลุ่มอาชีพอิสระและกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ที่ใช้รถกระบะเป็นส่วนใหญ่
“เราหวังว่าครึ่งปีหลังตลาดรถยนต์ครึ่งปีหลังจะมียอดขายรวมที่เพิ่มขึ้นในระดับ 10% จากช่วงครึ่งปีแรก ไม่เช่นนั้น ตลาดอาจจะลดลงไปเหลือ 6-6.1 แสนคัน ต่ำสุดในรอบ 15 ปี และสถานการณ์หนักกว่าช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19”
สำหรับ ยอดขายครึ่งปีแรกของ Ford อยู่ที่ 11,282 คัน ลดลงเช่นเดียวกันตลาด โดยทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 2.4 หมื่นคัน ลดลงจากปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 4.3 หมื่นคัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “แบงก์ชาติ” ชี้ไฟแนนซ์ไม่ได้เข้มงวดแต่คุณภาพผู้กู้ด้อยลง ฉุดตลาดชะลอ
อย่างไรก็ตาม จากการที่มีโอกาสเข้าร่วมให้ข้อมูลกับธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) ที่มีหลายหน่วยงานเข้าร่วม ในช่วงเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ล่าสุดได้มีการอัปเดตข้อมูลจาก แบงก์ชาติ ว่าได้มีการทำงานร่วมกับรัฐบาลในการเตรียมผ่อนคลายความเข้มงวดในเงื่อนไขการตรวจสอบอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2567 โดยเฉพาะเงื่อนไขที่เป็นปัญหาสำคัญอย่างการพิจารณารายได้และการกู้ร่วม ซึ่งเป็นพื้นฐานของลูกค้าในกลุ่มรถกระบะที่ใช้กันมาโดยตลอด