นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ MG เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในปี 2567 ถือได้ว่าผิดจากที่คาดหวังไว้เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ที่ตั้งไว้เมื่อปีที่ผ่านมา โดยในช่วง 4 เดือนแรก (มกราคม-เมษายน) ของปีนี้ ภาพรวมตลาดรถยนต์อยู่ที่ 209,015 คัน ลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับตลาดที่ได้รับผลกระทบหนักคือ กลุ่มรถกระบะและรถกระบะดัดแปลง (พีพีวี) รวมถึงรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ (ดี-เซกเมนท์) ที่มีอัตราลดลงในระดับมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อีกตลาดที่น่าแปลกใจคือ ตลาดรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) และ ตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (บี-เซกเมนท์) ซึ่งปกติจะรักษาระดับการเติบโตไว้ที่ทรงตัวหรือเติบโตในสถานการณ์ช่วงที่ผ่านมา แต่ในช่วง 4 เดือนแรก มีอัตราลดลง 30% และ 20% ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 3 ตลาด คิดเป็นสัดส่วนราวเกินครึ่งของภาพรวมตลาด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “แบงก์ชาติ” เตรียมเรียกค่ายรถถกปัญหาหนี้ครัวเรือนกระทบอนุมัติสินเชื่อ
ขณะเดียวกัน ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในช่วง 4 เดือน แม้ว่าจะมีอัตราเติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตัวเลขที่หลายค่ายรายงานเป็นตัวเลขจากการจดทะเบียน ซึ่งหากพิจารณาจากยอดขายรถใหม่ต่อเดือน ตลาดดังกล่าวนี้ก็มีอัตราลดลงเช่นกัน
“สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อตลาดในทุกเซกเมนท์ ปัญหาหลักเกิดจากสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) เข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ”
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ MG ในช่วง 4 เดือนแรกอยู่ที่ 6,283 คัน ลดลง 24% โดยที่ผ่านมาบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4 หมื่นคัน และถึงเวลานี้มองว่ามีความจำเป็นจะต้องปรับลดเป้าหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภาพรวมตลาดทั้งปี 2567 ที่คาดว่าจะลดลงเหลือไม่เกิน 7 แสนคัน จากต้นปีมองว่าอยู่ที่ 8-8.3 แสนคัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : MG ลดราคาเท่าที่จำเป็น! ระวังการเข้าสู่สงครามแข่งขันราคา
ขณะที่ แนวโน้มตลาดรถยนต์รถยนต์ในปี 2567 ส่งสัญญาณชะลอตัวมาตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. ของปีที่ผ่านมา โดยถึงเวลานี้มองว่าสถานการณ์ตลาดถึงจุดต่ำสุดแล้ว เนื่องจากปัญหาหนี้เสียเกิดขึ้นแบบสมบูรณ์แล้วตั้งแต่กระบวนการยึดและขายทอดตลาดส่งผลกระทบไปในทุกภาคส่วนในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม จับตาสถานการณ์การใช้จ่ายของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังว่ามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายได้มากน้อยขนาด