นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยประจำไตรมาส 1/2567 มียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 163,756 คัน ลดลง 24.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 217,073 คัน ซึ่งปัจจัยหลักเป็นผลมาจากสถานการณ์การอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) ที่ใช้หลักเกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อแบบรับผิดชอบ และหนี้ครัวเรือนที่สูงมากรวมถึงเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
รายละเอียดการจำหน่ายแยกตามประเภทรถยนต์มีดังนี้
- รถยนต์นั่งและรถยนต์อเนกประสงค์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 41,058 คัน ลดลง 41.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 70,110 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์อเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 19,131 เพิ่มขึ้น 43.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 13,320 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์อเนกประสงค์พลังงานปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 563 คัน ลดลง 22.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 724 คัน
- รถยนต์นั่งและรถยนต์อเนกประสงค์พลังงานไฮบริด (HEV) มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 36,042 คัน เพิ่มขึ้น 69.08% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 21,316 คัน
- รถกระบะ มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 46,611 คัน ลดลง 44.01% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ที่ 83,245 คัน
- รถกระบะดัดแปลง (พีพีวี) มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 9,814 คัน ลดลง 46.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ที่ 18,227 คัน
- รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 4,597 คัน ลดลง 26.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ที่ 6,218 คัน
- รถประเภทอื่น ๆ มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 5,940 คัน เพิ่มขึ้น 51.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ที่ 3,913 คัน
- สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถกระบะและรถบรรทุกนอกเหนือจากปัจจัยเรื่องสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อแล้วนั้น ยังมีปัจจัยเรื่องการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้าไปหลายเดือน ทำให้การใช้จ่าย การลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชะลอตัวไปด้วย
อย่างไรก็ตาม คาดว่าครึ่งปีหลังยอดขายรถยนต์ในภาพรวมจะดีขึ้นจากการใช้จ่าย การลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลร่วมกับการลงทุนของเอกชนและการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นมากกว่า 33 ล้านคน ซึ่งยังมองว่าตลาดรถยนต์ในปี 2567 นี้ ยังมีตัวเลขอยู่ที่ 7.5 แสนคัน