อีวี ไพรมัส นำ “WULING BINGUO EV” ร่วมจัดแสดงในงาน Southeast Asia Ride-Hailing Industry Summit 2025 เวทีสำคัญที่รวบรวมผู้นำในธุรกิจ ผู้กำหนดนโยบาย นักนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบบมัลติแบรนด์ (Multi-Brand EV Distributor) แห่งแรกของไทย และเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์วู่หลิง (WULING) แต่ผู้เดียวในประเทศไทย (Sole Distributor) เปิดเผยว่า บริษัทได้นำยานยนต์ไฟฟ้า “WULING BINGUO EV” มาจัดแสดงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าเหมาะสำหรับธุรกิจบริการเรียกรถ (Ride-Hailing Service) เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ขับขี่รถ City EV และเป็นการตอบโจทย์ผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ต้องการควบคุมต้นทุน
ทั้งนี้ บริษัทได้เลือกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่มีความคุ้มค่ามาจำหน่าย ไม่เพียงแค่สำหรับผู้ใช้งานในชีวิตประจำวันแต่ยังรวมถึงการนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ด้วย ซึ่งมองเห็นคุณภาพที่เหมาะสมของยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาพลิกโฉมของธุรกิจบริการรถรับส่ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชันธุรกิจบริการเรียกรถในประเทศไทย
สำหรับ ธุรกิจบริการเรียกรถในประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญที่บริษัทต้องการชี้ให้เห็นประเด็นหลักของการใช้รถ EV โดยเฉพาะในแง่ของความคุ้มค่าที่ผู้ประกอบการและผู้ขับขี่จะได้รับจากการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า WULING BINGUO EV ที่มีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนค่าใช้จ่าย ทั้งในส่วนของค่าพลังงานไฟฟ้าที่ประหยัดกว่าค่าน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมาก รวมถึงค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ารถยนต์สันดาปภายใน
ขณะที่ องค์ประกอบสำคัญในการคำนวณ “ต้นทุนต่อคุณค่า” (Cost-to-Value) ที่ผู้ขับขี่หรือผู้ประกอบการจะได้รับจากการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในธุรกิจบริการเรียกรถ ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยข้อมูลจากอุตสาหกรรมของธุรกิจเรียกรถบริการ (Ride-Hailing Industry) ระบุว่าผู้ขับขี่ในระบบแอปพลิเคชันเรียกรถในไทยมีรายได้เฉลี่ย 30,000 บาทต่อเดือน หรือมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำกว่า 250% ซึ่งเมื่อรวมกับต้นทุนที่ลดลงจากการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ยิ่งส่งผลให้ผู้ขับขี่หรือผู้ประกอบการนั้นสามารถเพิ่มรายได้สุทธิและมีผลกำไรในระยะยาวได้
งาน Southeast Asia Ride-Hailing Industry Summit 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้นำในธุรกิจ ผู้กำหนดนโยบาย นักนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินทางจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ อภิปรายถึงแนวโน้ม ความท้าทาย และโอกาสในการสร้างความร่วมมือข้ามพรมแดน โดยมีหัวข้อหลักที่น่าสนใจ เช่น การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ความปลอดภัย กรอบการกำกับดูแล และการเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับ ตลาดบริการเรียกรถประเทศไทยมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยมูลค่าตลาดรวมที่ Statista.com คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาทในปีนี้ และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในการใช้บริการจากแพลตฟอร์มชั้นนำต่าง ๆ ที่มีฐานผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองใหญ่ พฤติกรรมการเดินทางของผู้คนกำลังเปลี่ยนไปสู่การพึ่งพาบริการขนส่งสาธารณะและบริการเรียกรถมากขึ้น ลดความจำเป็นในการเป็นเจ้าของรถส่วนตัว ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญของ “Mobility as a Service (MaaS)” ที่ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม