นายสุธี สมาธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT เปิดเผยว่า ตลาด รถยนต์มือสอง ในประเทศไทยปี 2567 ทรงตัวต่อเนื่องจากปี 2566 หลังจากช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมาราคารถยนต์มือสองลดลงราว 30% และเริ่มขยับขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้เป็นต้นมา สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์มือสองปี 2568 คาดว่าจะมีรถยนต์ใช้แล้วเข้าสู่ลานประมูลราว 2.5 แสนคัน ซึ่งเป็นผลจากหลายปัจจัย เช่น อัตราหนี้เสีย (NPL) ที่ยังทรงตัว หนี้ครัวเรือนที่สูง และการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยราคารถยนต์มือสองจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15%
สำหรับ ตลาดรถไฟฟ้ามือสองยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยปี 2566 มีรถเข้าสู่การประมูลเพียง 40 คัน และคาดว่าในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็นราว 100 คัน แม้จะเติบโตแต่ยังนับว่าน้อยเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : SCB EIC คาดอุตฯยานยนต์ไทยปี’68 ฟื้นตัวช้า ยอดขายต่ำ 5.5 แสนคัน
ขณะที่ คาดว่าตลาดรถยนต์ใหม่ในปี 2568 คาดว่าจะมีปริมาณใกล้เคียงปีนี้ราว 5.5 – 5.7 แสนคัน และน่าจะทรงตัวในระดับนี้ต่อเนื่องอีกประมาณ 1-2 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ปริมาณรถใช้งานน้อยในตลาดรถยนต์มือสองลดลง ส่งผลให้รถกลุ่มนี้มีราคาดีและได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้นเนื่องจากปัจจัยด้านราคาที่ถูกกว่าการซื้อรถยนต์ใหม่ค่อนข้างชัดเจน
“เชื่อว่าปี 2568 ตลาด รถยนต์มือสอง จะทรงตัว ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจและมาตรการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อการซื้อ–ขายผ่านการประมูลที่คาดว่าจะมีอัตราจบประมูลเพิ่มขึ้นและราคารถปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับ”
นายวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ ประธานกิตติมศักดิ์และผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจ รถยนต์มือสอง ในปี 2568 ว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเนื่องจากขาดแรงกระตุ้นจากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจโดยกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงเปราะบางและจำกัดส่งผลให้พฤติกรรมการครอบครองรถยนต์เปลี่ยนไปในทิศทางที่ใช้งานรถยนต์เดิมนานขึ้น
อีกทั้งการแข่งขันด้านราคาของรถยนต์ใหม่ที่รุนแรงยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์มือสอง ทำให้ต้นทุนการขายและราคาตลาดลดลงในบางกลุ่ม อย่างไรก็ตาม รถยนต์ที่มีคุณภาพดีหรือใช้งานน้อยยังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภค เนื่องจากมีความคุ้มค่ากว่าการซื้อรถใหม่