นายสุพจน์ สุขพิศาล ประธานกล่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ (APIC) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และรองเลขาธิการสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) เปิดเผยในงานสัมมนา “การสร้างบุคลากรที่มีทักษะเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในภาคการผลิตยานยนต์ของประเทศไทย” ที่จะจัดขึ้นโดย องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization – ILO) ว่า สถานการณ์การผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยหลังจากนี้คาดว่าปริมาณการผลิตจะไม่กลับไปเทียบเท่าในช่วงก่อนหน้าเนื่องจากสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป
ดังนั้น ความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรมจึงจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน จากเดิมที่ต้องการปริมาณ แต่หลังจากนี้ต้องการคุณภาพเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การผลิตในระบบอัตโนมัติ (ออโตเมชั่น) ซึ่งต้องการแรงงานที่มีทักษะมากยิ่งขึ้น
“ด้วยสถานการณ์การผลิตในปัจจุบันที่ลดลงและจะไม่กลับไปเหมือนเดิมในอดีต ดังนั้นผู้ผลิตอาจไม่ได้ต้องการแรงงานจำนวนมาก แต่ต้องการแรงงานที่มีคุณภาพและทักษะ เพื่อรองรับการเปลี่ยนไปของระบบการผลิตและปริมาณที่ลดลง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์จากเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) กระทบต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของประเทศไทยหรือไม่? นายสุพจน์ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันมีเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มใด ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ามีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่ม รถยนต์นั่ง และ รถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) ดังนั้น ปัจจุบันสัดส่วนการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยมีสัดส่วนอยู่ที่ รถกระบะ 70% และรถยนต์นั่ง 30% โดยในการผลิตรถกระบะใช้ชิ้นส่วนในประเทศอยู่ที่ 90% ส่วน รถยนต์นั่งใช้ชิ้นส่วนในประเทศราว 30-40% เท่านั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปข้อมูล “แบงก์ชาติ” เรียกหน่วยงานในอุตฯยานยนต์ ประเมินภาพเศรษฐกิจ-ทำนโยบายและมาตรการ
ผลกระทบด้านการผลิตจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นคือการเปลี่ยนจากแบรนด์ญี่ปุ่นไปสู่แบรนด์จีน ซึ่งในส่วนของผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศไทยจะต้องมีการปรับตัวรับกับการทำงานและวัฒนธรรมของแบรนด์จีน โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จีนพยายามหาพันธมิตรทางธุรกิจท้องถิ่นในประเทศไทย ดังนั้นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยยังมีโอกาสในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้อยู่ แต่หากผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยไม่สามารถปรับตัวได้ตามความต้องการของผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์จีน ทั้งในแง่ความเร็วในการผลิต และ คุณภาพการผลิต อาจทำให้แบรนด์จีนมีความจำเป็นต้องดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนสัญชาติจีนเข้ามาในไทย
นายสุพจน์ กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ลงทะเบียนอยู่ในสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยมีจำนวน 660 ราย และมีจำนวนไม่ถึง 5% ที่ปิดตัวลง แต่ไม่ใช่จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี แต่เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยาวนาน 3-4 ปี ซึ่งเป็นวิกฤตขาดทุนสะสม รวมถึงบางผู้ประกอบการก็ไม่สามารถปรับตัวไปผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าได้
“สิ่งที่ต้องจับตาคือการที่รถยนต์ไฟฟ้าขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่รถกระบะ ซึ่งจะทำให้ชิ้นส่วนหลักที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยได้รับผลกระทบ ซึ่งวันนี้ยืนยันว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า แต่ในอนาคตต้องจับตาอย่างใกล้ชิด”