slide 1
slide 1
Image Slide 2
Image Slide 2
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow
Homeข่าวสารข่าวรถยนต์ราคาอย่างเป็นทางการ Range Rover SPORT Plug-in Hybrid : 8,599,000 บาท (นำเข้า CBU) |...

ราคาอย่างเป็นทางการ Range Rover SPORT Plug-in Hybrid : 8,599,000 บาท (นำเข้า CBU) | 510 แรงม้า

Range Rover SPORT Plug-in Hybrid

ราคาอย่างเป็นทางการ (นำเข้า CBU)

  • Range Rover SPORT Dynamic SE Plug-in Hybrid 510PS  8,599,000 บาท

นำเข้าโดย Inchcape ผู้แทนจำหน่าย Jaguar – Land Rover ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว

Range Rover SPORT มาพร้อม Range Rover CARE นาน 5 ปี

  • รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี
  • ค่าบำรุงรักษาตามระยะ Maintenance นาน 5 ปี
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Road Side Assistant 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี

Dimension มิติตัวถัง

  • ยาว  4,946 มิลลิเมตร
  • กว้าง  2,047 มิลลิเมตร
  • สูง  1,820 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase  2,997 มิลลิเมตร
  • ระยะต่ำสุดถึงพื้น ground clearance  281 มิลลิเมตร
  • ลุยน้ำได้ลึกระดับ  900 มิลลิเมตร

Engine เครื่องยนต์

Plug-in Hybrid PHEV เสียบปลั๊กชาร์จไฟ

เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง ขนาด 3.0 ลิตร 2,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 83.0 x 92.29 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลัง 143 แรงม้า

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้พละกำลังสูงสุด 510 แรงม้า ที่ 5,500 – 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 5,000 รอบ/นาที แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 38.2 kWh จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive AWD

ตัวเลขเคลมจากโรงงาน

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 5.4 วินาที
  • Top Speed ความเร็วสูงสุด 242 km/h
  • วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน EV Mode ไกลสุด 113 km. (มาตรฐาน WLTP)
  • Top Speed EV Mode  140 km/h

Charging การชาร์จไฟ

หัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo

  • กระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 7 kW ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 30 นาที
  • กระแสตรง DC Fast Charging รองรับสูงสุด 50kW ใช้เวลาจาก 0-80% ภายใน 40 นาที

Range Rover Sport โฉมใหม่ผสมผสานความมั่นใจในสมรรถนะการขับขี่บนท้องถนน เข้ากับความเหนือชั้นในคุณภาพของตราสัญลักษณ์ Range Rover ที่มาพร้อมกับการออกแบบที่ล้ำสมัยและความสะดวกสบายที่เชื่อมต่อถึงกัน ให้สมรรถนะการทำงานแบบไดนามิกขั้นสูงสุด ด้วยชุดระบบส่งกำลังที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ P510e Plug-In Hybrid รูปแบบใหม่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในการขับขี่ที่มีสมรรถนะสูง ด้วยประสิทธิภาพที่น่าประทับใจของรถ EV ในการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ได้มากกว่า 100 km. ของระยะทางการขับขี่ เครื่องยนต์เบนซิน Ingenium 6 สูบ 3.0 ลิตร ของ Land Rover ผสมผสานเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังแรง 143 แรงม้า และ แบตเตอรี่ 38.2 kWh ได้อย่างลงตัว ทำให้ได้กำลังขับทั้งระบบอยู่ที่ 510 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 km/h ในเวลาเพียง 5.4 วินาที ระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าสูงสุด 113 km. และ ระยะการขับขี่จริงที่คาดไว้คือ 88 km. ซึ่งเพียงพอสำหรับเจ้าของรถส่วนใหญ่ที่จะทำได้ถึง 75% ของการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้า1 โดยมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 18 g./km. สำหรับการเดินทางไกล ระบบจะส่งกำลัง Plug-in Hybrid ที่ให้ระยะทางรวม 740 km. ของการขับขี่ด้วยระบบเบนซิน และ ไฟฟ้า

รูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหรานั้นแสดงให้เห็นถึงความเป็น Range Rover Sport ได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยพื้นผิวที่ทรงพลัง รูปทรงที่โดดเด่น และคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ใครก็สามารถจดจำได้ทันทีที่เห็น ด้วยระยะยื่นจากล้อที่สั้น บริเวณด้านหน้าดูโฉบเฉี่ยว และกระจกมีระดับความลาดเอียงเหมาะสมของทั้งบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของรถ กระจังหน้าและชุดไฟ Digital LED ดีไซน์ใหม่ที่เฉียบคม ช่วยสร้างเอกลักษณ์ของ Daytime Running Light ให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น องค์ประกอบสีตัวถังแบบแบ่งครึ่งตามแนวนอนที่ทำให้ตัวรถดูกว้างยิ่งขึ้น เสริมด้วยการใช้สีดำในการเพิ่มรายละเอียด ด้านหลังของรถสลักลายที่ประตูท้ายช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ กราฟิกไฟ LED ที่ไม่ขาดตอนสะท้อนให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยี LED เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่มีความร่วมสมัยได้อย่างชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน ลายเส้นที่ดูสะอาดตาภายนอกตัวรถได้รับการเสริมรายละเอียดด้วยการเคลือบเงาเพื่อความสง่างาม มือจับประตูได้รับการออกแบบใหม่ให้ดูซ่อนเร้น มาพร้อมกับหลังคาที่เชื่อมด้วยเลเซอร์ที่เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่แม่นยำทางด้านเทคนิค และการผสมผสานรายละเอียดที่ซับซ้อนได้อย่างลงตัว เทคโนโลยีที่เอื้อต่อการออกแบบเหล่านี้มีส่วนช่วยให้ประสิทธิภาพของระบบแอโรไดนามิกมีความยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น โดย Range Rover Sport โฉมใหม่นี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอยู่ที่ระดับ 0.29 เท่านั้น

การตกแต่งภายในแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยเทคโนโลยี Range Rover Command Driving Position เพื่อความสมดุลของความสง่างาม ห้องโดยสารที่ดูเหมือนห้องนักบินสร้างประสบการณ์ในการขับขี่แบบไดนามิกด้วยทัศนวิสัยที่ยอดเยี่ยม ในขณะเดียวกันก็สร้างความท้าทายให้ผู้ขับขี่ด้วยคอนโซลกลางที่ลาดเอียงในแนวสูงและเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกการขับขี่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ระบบอินโฟเทนเมนท์ Pivi Pro หน้าจอสัมผัสแบบโค้ง และมีความละเอียดสูงขนาด 13.1 นิ้ว สามารถควบคุมทุกการใช้งาน ตั้งแต่การนำทางไปจนถึงการตั้งค่าสื่อและยานพาหนะ ระบบจะเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ขับขี่และมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยม เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่รอบรู้และใช้งานได้ง่าย ช่วยลดความจำเป็นที่ผู้ขับขี่จะต้องละสายตาจากถนน

ระบบ Cabin Air Purification Pro รุ่นล่าสุดพร้อมสร้างและรักษาสภาพแวดล้อมการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ ระบบนี้ผสมผสานคุณสมบัติในการกรองฝุ่น PM2.5 และเทคโนโลยี nanoeTM X เพื่อลดกลิ่นอับ แบคทีเรีย และสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ รวมไปถึงไวรัส SARS-CoV-23 อุปกรณ์ nanoeTM X ตัวที่สองได้รับการติดตั้งไว้ในบริเวณแถวที่สองเพื่อให้คุณภาพอากาศที่สม่ำเสมอทั่วทั้งห้องโดยสาร และฟังก์ชันการจัดการคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ภายในห้องโดยสารก่อนการเดินทางหรือแม้ขณะขับรถ ทำให้มั่นใจได้ถึงการตื่นตัวที่เพิ่มมากขึ้นในทุกการขับขี่ และสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นสำหรับผู้โดยสารทุกคน พร้อมทั้งติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงรุ่นล่าสุดที่เรียกว่า Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ที่เน้นไปที่ความปลอดภัยในการขับขี่ ระบบเบรกฉุกเฉิน กล้อง 3D รอบทิศทาง รวมถึงเซ็นเซอร์จอดรถด้านหน้าและด้านหลัง ระบบ Wade Sensing ระบบ ClearSight Ground View4 และไฟเลี้ยวที่มีระบบควบคุมการขับขี่อัตโนมัติ ระบบตรวจสอบสภาพคนขับ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ในเลน และระบบจดจำป้ายจราจร

Range Rover Sport โฉมใหม่นำเสนอเทคโนโลยีของแชสซียานยนต์ที่ล้ำหน้ากว่าที่เคยมีมา ความแข็งแกร่งของสถาปัตยกรรมโลหะผสมที่มีความยืดหยุ่น MLA-Flex ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการบิดได้สูงกว่า Range Rover Sport รุ่นก่อนหน้านี้ถึง 35 เปอร์เซ็นต์ ระบบ Dynamic Response Pro ทำงานควบคู่กับระบบ Dynamic Air Suspension เจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวสปริงลมแบบปรับระดับได้เป็นครั้งแรก ให้การควบคุมการหมุนขั้นสูงสุดผ่านระบบควบคุมการหมุนด้วยพลังงานแอคทีฟอิเล็กทรอนิกส์ 48 โวลต์ ซึ่งสามารถใช้แรงบิดได้สูงสุดถึง 1,400Nm ในแต่ละเพลา เพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่อย่างมั่นใจ รวมไปถึงการควบคุมตัวถังและความนุ่มนวลในการเข้าโค้งที่เหนือระดับ

ระบบ Dynamic Air Suspension ได้รับการติดตั้งใน Range Rover Sport ทุกคัน โดยระบบอัจฉริยะนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบกันสะเทือน ระบบนี้ทำงานโดยการปรับแรงดันของกระบอกโช้คให้สอดคล้องกับพื้นผิวถนน และความลาดชัน เพื่อมอบความสะดวกสบายที่เป็นต้นแบบของ Range Rover รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบตรวจสอบทิศทางของถนนข้างหน้า โดยใช้ระบบข้อมูลการนำทางที่เรียกว่า eHorizon เพื่อทำงานให้สอดคล้องกับระบบช่วงล่าง ที่ต้องปรับสภาพให้เป็นไปตามข้อมูลล่วงหน้าที่ได้รับจากระบบ หรือเมื่อต้องเข้าโค้งในระยะที่ใกล้เข้ามา เทคโนโลยี Adaptive Dynamics ช่วยเพิ่มความสามารถแบบไดนามิกด้วยการควบคุมอย่างต่อเนื่องของระบบ Active Twin Valve Dampers เพื่อช่วยลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นของร่างกายผู้ขับขี่ ระบบนี้ยังสามารถตรวจสอบปัจจัยภายนอกได้สูงถึง 500 ครั้งต่อวินาที เพื่อให้การตอบสนองที่สมบูรณ์แบบและสอดคล้องกับเทคโนโลยีอื่นๆของแชสซี อีกทั้งยังเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและลงตัว

ความคล่องตัวในการเข้าโค้งของ Range Rover Sport โฉมใหม่นี้ยังช่วยยกระดับการขับขี่ไปอีกขั้นด้วยระบบ All-Wheel Steering ระบบ Torque Vectoring by Braking และระบบ Electronic Active Differential ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวขั้นสูง ระบบ All-Wheel Steering ช่วยให้การบังคับเลี้ยวของล้อหลังทำมุมตรงกันข้ามกับล้อหน้า ได้สูงสุดถึง 7.3 องศา เพื่อลดวงเลี้ยวให้แคบลงในความเร็วต่ำและทำมุมขนานกับล้อหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งในช่วงเวลาที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูง ระบบนี้ทำให้ Range Rover Sport โฉมใหม่สามารถสร้างวงเลี้ยวได้เสมือนกับรถประเภทแฮทช์แบค และมีความคล่องตัวบนท้องถนนเสมือนรถยนต์ขนาดเล็ก

ระบบแชสซียานยนต์ที่ดีที่สุดของ Range Rover Sport โฉมใหม่นี้ยังรวมไว้ซึ่งระบบ Dynamic Response Pro ระบบ All-Wheel Steering ระบบ Electronic Active Differential และระบบ Torque Vectoring by Braking สร้างความประทับใจในการขับขี่ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนท้องถนนที่มีสภาพพื้นผิวปกติหรือบนเส้นทางแบบออฟโรดที่ยากลำบาก ระบบ Terrain Response 2® ล่าสุดของ Land Rover ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่แบบออฟโรดโดยใช้วิธีการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุดเพื่อการขับขี่ในสภาพภูมิประเทศที่มีความแตกต่างได้อย่างชาญฉลาด ระบบ New Adaptive Off-Road Cruise Control ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกกับ Range Rover Sport โฉมใหม่ ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ท่องไปในสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยความยากลำบากได้อย่างราบรื่น และยังคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบแม้สภาพพื้นผิวถนนจะมีความแตกต่าง

นายชาญชัย มหันตคุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินช์เคป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Range Rover Sport โฉมใหม่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษนี้สร้างมาตรฐานใหม่ในฐานะสุดยอดรถ SUV แนวสปอร์ตหรูหรา โดยต่อยอดความสำเร็จในการดึงดูดใจลูกค้าที่ไม่เหมือนใครมาเป็นเวลากว่า 17 ปี นี่คือรูปโฉมล่าสุดที่ได้รับการคิดค้นมาจากวิสัยทัศน์ในการสร้างรถยนต์ที่มีความหรูหราทันสมัยและเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก โดยผสมผสานมิติใหม่ของความยั่งยืนเข้ากับคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ทำให้ Range Rover Sport ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก”

- Advertisement -spot_img
Slide 2
Slide 2
previous arrow
next arrow

Stay Connected

330,000FansLike
6,955FollowersFollow
153,000FollowersFollow
319FollowersFollow
994,000SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Must Read

Related News