มีภาพหลุดของ BYD Dolphin เวอร์ชั่น Minorchange ปี 2025 มาให้ชมกันแล้วจากภาครัฐของจีน ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2024 เผยให้เห็นการปรับเปลี่ยนดีไซน์ภายนอก และ ยังมีข้อมูลตัวรถบางส่วนออกมาด้วย จากเดิม 2 ระดับความแรง เพิ่มเป็น 3 ระดับความแรง
ความเปลี่ยนแปลงของ BYD Dolphin Minorchange (2025) เบื้องต้น มีดังนี้
- เปลี่ยน ไฟหน้า ดีไซน์ใหม่
- เปลี่ยน กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่
- เปลี่ยน ล้ออัลลอย ดีไซน์ใหม่ ขนาด 16 นิ้ว และ 17 นิ้ว
- เปลี่ยน ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่
- เปลี่ยน กันชนหลัง ดีไซน์ใหม่
- เปลี่ยน ฝาท้าย ดีไซน์ใหม่
- เปลี่ยน โลโก้ Build Your Dreams เป็น BYD
- เพิ่ม มอเตอร์ไฟฟ้า 2 รุ่นย่อย (94/204) เป็น 3 รุ่นย่อย (94/174/204)
- เพิ่ม ความยาวตัวถังจากเดิม 155 มิลลิเมตร
- อื่นๆ เช่น ภายในห้องโดยสาร รายละเอียด ยังไม่เปิดเผย
Dimension มิติตัวถัง
- ยาว : 4,280 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 155 มิลลิเมตร จากรุ่นปัจจุบันในจีน)*
- กว้าง : 1,770 มิลลิเมตร
- สูง : 1,570 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,700 มิลลิเมตร
BYD Dolphin เวอร์ชั่นไทย และ ตลาดโลก ยาว 4,290 มิลลิเมตร ซึ่งจะยาวกว่า 165 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นที่ขายในประเทศจีน ที่มีความยาว 4,125 มิลลิเมตร) นั่นอาจหมายความว่า BYD Dolphin Minorchange เวอร์ชั่นไทย จะยาว 4,445 มิลลิเมตร หากปรับเปลี่ยนตามเวอร์ชั่นประเทศจีน
BYD Dolphin Minorchange ปรับเปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าใหม่ให้ดูสปอร์ตขึ้น จากกันชนหน้าที่เตี้ยติดพื้นกว่าเดิม พร้อมยืดความยาวช่องดักลมข้างกันชนทั้งสองฝั่ง และตัดมุมให้ดูคมกว่าเดิม ชายล่างกันชนส่วนกลางยังใช้สีดำตัดหนากว่าเดิม ส่วนด้านข้างปรากฎเพียงล้อลายใหม่ ที่เหลือดูไม่ต่างจากเดิม ส่วนด้านท้ายเปลี่ยนกันชนหลังใหม่ สังเกตได้จากช่องติดป้ายทะเบียนที่กินพื้นที่สูงขึ้นมาจากเดิม และยังปรับไฟท้ายทั้งทรงของแผงทับทิม และ ดีไซน์ด้านใน รวมถึงเปลี่ยนโลโก้ข้างในจาก ‘ Build Your Dream ’ เป็น BYD
BYD Dolphin Minorchange มีล้อหลายลายสองขนาด มาพร้อมยางเบอร์ 195/60R16 หรือ 205/50R17 ส่วนห้องโดยสารยังไม่มีภาพให้ชม แต่มีข้อมูลว่ามีหลังคา Panoramic Sunroof พร้อมกระจกกรองแสงให้เลือกด้วย ส่วนขุมพลัง EV มีให้เลือก 3 ระดับความแรง ประกอบด้วย 95 แรงม้า, 174 แรงม้า (เพิ่มจากรุ่นก่อน) และ 204 แรงม้า (PS) ทั้งหมดมาพร้อมแบตเตอรี่ Blade LFP ทำความเร็วสูงสุด Top Speed ได้ 150 และ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง แตกต่างกันไป
กำหนดการเปิดตัวที่ประเทศจีน คาดว่าจะมีขึ้นในอีกไม่นานจากนี้ และ คาดว่าจะเปิดตัวในไทย ช่วงปีหน้า 2025 !
ที่มา: carnewschina, autohome