นับตั้งแต่ปี 2550 MJets ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และในปี 2553 บริษัทมองเห็นโอกาสและศักยภาพการเติบโตของธุริจการบินส่วนบุคคลในประเทศไทย จึงได้ลงทุนสร้างศูนย์บริการอากาศยานส่วนบุคคลครบวงจร (FBO) แห่งแรกในประเทศไทย
ปัจจุบัน MJets ให้บริการใน 7 กลุ่มธุรกิจหลัก
- บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ
- บริการเครื่องบินพยาบาล
- การบริหารเครื่องบิน
- บริการอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคลพร้อมห้องรับรองพิเศษ
- บริการให้คำปรึกษาและดำเนินการซื้อขายเครื่องบิน
- บริหารธุรกิจการบินส่วนบุคคลและการบริการภาคพื้นแบบครบวงจร
- บริการให้คำปรึกษาและดำเนินกิจการซื้อขายเครื่องบิน
นายกิริต ชาห์ เจ้าของร่วมและกรรมการบริษัท บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวว่า ศูนย์บริการอากาศยานส่วนบุคคลครบวงจร ในประเทศไทยได้รับการโหวตให้เป็น FBO ที่ดีที่สุดต่อเนื่อง 9 ปีติดต่อกัน นอกจากนี้ยังได้ขยายกิจการธุรกิจการบินส่วนบุคคลไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ อินเดีย, เมียนมาร์ และ กัมพูชา
นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค เจ้าของร่วมและกรรมการบริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจเครื่องบินเจ็ทและการบินส่วนบุคคลในเอเชียเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอ้างอิงจากการคาดการณ์ขององค์กรวิจัยการตลาด Mordor Intelligence ระบุว่า อุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 906.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2572 จากการคาดการณ์ในปี 2567 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 463.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ที่ 14.36%
ปัจจัยสำคัญในการเติบโตมาจาก ภาคการท่องเที่ยวรวมถึงการเพิ่มของลูกค้ากลุ่มสินทรัพย์สูงและสูงพิเศษ (High & Ultra-High Net Worth Individuals) ที่มีความต้องการการเดินทางแบบพิเศษ รวมถึงการจัดกิจกรรมทางธุรกิจอย่างการประชุม มหกรรม หรือการพูดคุยระหว่างองค์กรในภูมิภาคดังกล่าวมากขึ้น
“เหล่านี้ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญทำให้ MJets ตั้งเป้าเพิ่มการลงทุนและขยายเครือข่ายการบินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นทั้งในปีนี้และในอนาคต เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการบินส่วนบุคคล พร้อมผลักดันให้องค์กรบรรลุเป้าหมายการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านเครื่องบินส่วนตัวครบวงจรระดับเวิลด์คลาส อันดับ 1 ของเอเชียได้สำเร็จ”
นายณัฏฐภัทร สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวว่า ล่าสุด MJets ได้ตัดสินใจลงทุนใน “วิงส์โอเวอร์เอเชีย” บริษัทผู้ให้บริการด้านการบินส่วนตัวที่มีเครือข่ายแข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครันในในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นรากฐานให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจทั่วภูมิภาคดังกล่าว โดยใช้เงินลงทุนมูลค่าราว 17 ล้านสิงคโปร์ดอลลาร์
สำหรับ การลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นแผนการลงทุนในระยะยาว เพื่อให้ เอ็มเจ็ท สามารถพัฒนาธุรกิจสู่ตำแหน่งผู้นำในระดับโลก ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้จะเป็นก้าวที่ทำให้เอ็มเจ็ทสามารถบรรลุเป้าหมายที่คาดหวังได้สำเร็จ พร้อมกันนี้ เอ็มเจ็ท ได้ตั้งเป้าหมายขยายการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2569
ปัจจุบันรายได้หลักของ MJets มีสัดส่วนรายได้ 55% มาจาก บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำและบริการเครื่องบินพยาบาล นอกจากนั้นอีก 30% มาจาก การบริหารธุรกิจการบินส่วนบุคคลและการบริการภาคพื้นแบบครบวงจร โดยภายหลังความร่วมมือดังกล่าวจะส่งผลให้การบริการภาคพื้นจะขยายตัวขึ้น
“ประเทศไทยเป็นสำนักงานใหญ่ของ MJets และหลังจากนี้มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มฝูงบินและศูนย์ซ่อมในประเทศไทย อย่างไรก็ตามการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ จะต้องมีการทำงานร่วมกันกับ ท่าอากาศยานต่าง ๆ ของประเทศไทย”
นายอึ้ง โหย่ว เหมง ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิงส์โอเวอร์เอเชีย จำกัด หรือ WingOverAsia (WOA) กล่าวว่า วิงส์โอเวอร์เอเชีย ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 โดยพัฒนาจากการเป็นผู้บุกเบิกเครือข่ายการบินและบริการต้อนรับผู้โดยสารแห่งแรกของเอเชีย ไปสู่การออกแบบและสร้างศูนย์บริการเครื่องบินส่วนตัวครั้งแรกของภูมิภาค ณ สนามบินนานาชาติเซเลตาร์ ประเทศสิงคโปร์ ที่โรงเก็บอากาศยานของบริษัทมีการให้บริการต่าง ๆ ทั้งการขาย การบำรุงรักษา และการบริหารจัดการเครื่องบิน การฝึกอบรบการบิน การสนับสนุนการบิน บริการอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงกิจกรรมไลฟ์สไตล์และการดูแลลูกค้าสมาชิก
ขณะที่ การเติบโตของธุรกิจการบินส่วนตัวแบบครบวงจรประกอบกับศักยภาพในการเจาะตลาด FBO และตลาดการซื้อขายอากาศยานเพื่อการฝึกบินในภูมิภาค ตลอดจนความเชี่ยวชาญในการบริการลูกค้าทั่วอาเซียน จึงมีความมั่นใจว่าวิงส์โอเวอร์เอเชีย จะเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมสำหรับเอ็มเจ็ทที่ต้องการต่อยอดธุรกิจการบินส่วนตัวในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียได้
