นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ส.อ.ท. ประมาณการการเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยไว้อยู่ที่ 1.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.11% จากปี 2567 ที่สามารถผลิตได้อยู่ที่ 1,468,997 คัน โดยเป้าหมายการผลิตดังกล่าวในปี 2568 แบ่งเป็น ผลิตเพื่อการส่งออกอยู่ที่ 1 ล้านคัน และ ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 5 แสนคัน
สำหรับการผลิตเพื่อการส่งออกในปี 2568 จำนวน 1 ล้านคัน ลดลง 0.91% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ผลิตได้อยู่ที่ 1,009,141 คัน ซึ่งมีปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
ปัจจัยบวก
- ระยะสั้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าของประเทศสหรัฐอเมริกาไม่สูงมากนักอาจจะไม่กระทบมูลค่าการค้าโลกมากดังที่กังวลกันซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
- อัตราดอกเบี้ยอาจลดลงและราคาน้ำมันอาจลดลงทำให้อำนาจซื้อของประเทศคู่ค้าสูงขึ้นส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น ต้องติดตามว่าลดลงมากน้อยแค่ไหน
- ติดตามสงครามในภูมิภาคต่างๆ ว่ายุติได้หรือไม่ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจใช้เงินของประชาชนในประเทศต่าง ๆ
ปัจจัยลบ
- ความชัดเจนในมาตรการด้านการค้าและอื่น ๆ ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ว่าจะขึ้นภาษีากรนำเข้าอีกมากน้อยแค่ไหน
- คู่แข่งในประเทศคู่ค้ามีมากขึ้น
- ประเทศคู่ค้ามีการผลิตรถกระบะซึ่งอาจลดคำสั่งซื้อและอาจส่งออกแทนประเทศไทยจากการผลิตรถกระบะลดลง
- ความขัดแย้งและการสู้รบในภูมิภาคต่าง ๆ อาจขยายเพิ่มขึ้นทั้งภูมิภาคเดิมและภูมิภาคใหม่
- มาตรการเข้มงวดการปล่อยคาร์บอนของรถยนต์ของประเทศคู่ค้าที่ทำให้รถยนต์บางรุ่นนำเข้าไม่ได้
สำหรับการ ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ในปี 2568 จำนวน 5 แสนคัน เพิ่มขึ้น 8.73% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ผลิตได้อยู่ที่ 459,856 คัน ซึ่งมีปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
ปัจจัยบวก
- การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโครงการ EV 3.0 ในอัตรา 1.5 เท่า
- เศรษฐกิจในประเทศขยายตัว 2.4-2.9%
- คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปี 2567
- ส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรรวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรมบางกลุ่มขยายตัวเพิ่มขึ้น
- การแจกเงินของรัฐบาลให้กลุ่มต่างๆ
- การกระตุ้นเศรษฐกิจ e-Receipt
- การลงทุนของภาครัฐ
- ปี 2567 มีผู้ขอรับส่งเสริมการลงทุนในประเทศสูงถึง 1.12 ล้านล้านบาทสูงที่สุดในรอบสิบปี เพิ่มขึ้น 35% จากปี 2566 โดยยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ 102,366 ล้านบาท
- จะมีการลดดอกเบี้ยในประเทศซึ่งจะทำให้ต้นทุนและภาระการชำระหนี้ลดลงช่วยเพิ่มอำนาจซื้อในประเทศ
- ราคาน้ำมันอาจลดลงจากการเรียกร้องของประธานาธิบดีสหรัฐซึ่งจะทำให้ภาระค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงานลดลง อำนาจซื้อของประชาชนมากขึ้น
ปัจจัยลบ
- ความเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะมาตรการการปล่อยสินเชื่อแบบรับผิดชอบจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
- ติดตามดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมจะยังคงลดลงหรือไม่เพราะมีสัดส่วนถึง 30% ของเศรษฐกิจในประเทศและมีแรงงานถึง 16% ของแรงงานทั้งหมดในประเทศไทยซึ่งเกี่ยวข้องกับอำนาจซื้อในประเทศ
- สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนอาจจะไม่รุนแรงซึ่งจะทำให้การย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนมายังประเทศไทยชะลอตัวลงได้เพราะประเทศไทยได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกาซึ่งจะส่งผลกระทบการจ้างงานในประเทศไทย
- หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูงอาจจะส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
- ค่าครองชีพยังทรงตัวในระดับสูงซึ่งจะส่งผลต่ออำนาจซื้อของประชาชน
สำหรับ ยอดขายรถยนต์ ในประเทศไทยปี 2567 มียอดขายรวมอยู่ที่ 572,675 คัน ลดลง 26.18% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะที่ เป้าหมายการส่งออกที่ลดลงเป็นผลมาจากข้อกังวลของเศรษฐกิจโลก รวมถึงนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่จะมีการปรับเพิ่มภาษีอีกหรือไม่ หากมีการเพิ่มก็อาจกระทบเศรษฐกิจคู่ค้าของไทย ซึ่งอาจจะส่งผลให้ไทยส่งออกได้น้อยลง ประกอบกับเศรษฐกิจจีนไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนเมื่อก่อน ไทยจึงจำเป็นต้องส่งเสริมการนำเข้ารถอีวี เพื่อให้มีการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในไทย และจะได้ผลิตเพื่อส่งออกรถอีวีจากไทยไปยังคู่ค้าในต่างประเทศให้มากขึ้น