คาร์ลอส ซายนซ์ ดาวขับมากประสบการณ์จาก Team Audi Sport จ่อขึ้นบัลลังก์ ดาการ์ แรลลี่ สมัยที่ 5 หลังซิ่งทำเวลาทิ้งห่าง กิลล์ยอม เดอ เมเวียส สังกัด OVERDRIVE RACING ที่ตามหลังอยู่กว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ด้าน เซบาสเตียน โล้บ ดาวขับเฟรนช์แมน จาก Bahrain Raid Xtreme ช่วงล่างพังในสเตจที่ 11 หล่นลงไปรั้งอันดับ 3
เข้าสู่การแข่งขันในสเตจที่ 11 ศึกดาการ์ แรลลี่ 2024 ดวลความเร็วในวันพฤหัสบดี ที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา โดยใช้เส้นทางชิงชัยระหว่าง อัลลูล่า-ยานบู รวมระยะทางทั้งสิ้น 587 กิโลเมตร แบ่งเป็นช่วงทดสอบพิเศษ 480 กิโลเมตร และการเดินทาง 107 กิโลเมตร
และเป็นทางด้าน คาร์ลอส ซายนซ์ จอมเก๋าจาก Team Audi Sport ที่รักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้ หลังซิ่งจบการแข่งขันด้วยเวลารวม 46 ชั่วโมง 24 นาที 47 วินาที ทิ้งห่าง กิลล์ยอม เดอ เมเวียส สังกัด OVERDRIVE RACING ที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ถึง 1 ชั่วโมง 26 นาที 06 วินาที ขณะที่ เซบาสเตียน โล้บ จาก Bahrain Raid Xtreme รถมีปัญหาเรื่องช่วงล่าง หล่นลงไปรั้งอันดับ 3
ส่วนในประเภทรถจักรยานยนต์ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างสนุก โดย ริคกี้ บราเบ็ค จาก MONSTER ENERGY HONDA TEAM ยังคงรั้งจ่าฝูงด้วยเวลา 49 ชั่วโมง 37 นาที 57 วินาที ตามด้วย รอสส์ บรานช์ สังกัด HERO MOTOSPORTS TEAM RALLY และ อาเดรียน ฟาน เบเฟเรน จาก MONSTER ENERGY HONDA TEAM ในอันดับ 2 และ 3 ตามหลังผู้นำ 10 นาที 22 วินาที และ 14 นาที 31 วินาที ตามลำดับ
รวมถึงประเภทรถควอดซึ่ง มานูเอล อันดูฮาร์ จาก 7240 TEAM / DRAGON RALLY SERVICE ครองหัวขบวนด้วยเวลารวม 62 ชั่วโมง 11 นาที 24 วินาที เหนือกว่า อเล็กซานเดอร์ ชิรูด์ สังกัด YAMAHA RACING – SMX – DRAG’ON ที่รั้งอันดับ 2 อยู่ 08 นาที 14 วินาที
ด้าน มาร์ติน มาซิค, ฟรานทิเซค โทมาเซค และ เดวิด สวานด้า ทัพนักขับเช็ก จาก MM TECHNOLOGY TEAM ยังคงเป็นผู้นำประเภทรถบรรทุก หลังซิ่งจบสเตจที่ 11 ด้วยเวลารวม 52 ชั่วโมง 31 วินาที 45 วินาที ทิ้งห่าง อเลส โลเพรส, ยาโรสลาฟ วัลเตอร์ จูเนียร์ และ ยีรี่ สตรอสส์ สังกัด INSTAFOREX LOPRAIS PRAGA ถึง 2 ชั่วโมง 01 นาที 01 วินาที
สำหรับการแข่งขันในสเตจสุดท้าย ศึกดาการ์ แรลลี่ 2024 ใช้เส้นทางชิงชัยภายในเมืองยานบู รวมระยะทางทั้งสิ้น 328 กิโลเมตร เป็นช่วงทดสอบพิเศษ 175 กิโลเมตร และเป็นการเดินทาง 153 กิโลเมตร โดยมีคิวตัดสินแชมป์ประจำปีในวันศุกร์ที่ 19 มกราคม