นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด หรือ อาวดี้ ประเทศไทย (Audi) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมในช่วง 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม) ของปี 2567 มีอัตราลดลงราว 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยชะลอตัว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : อาวดี้ ปรับโฉมโชว์รูม สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รองรับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มขั้น
ทั้งนี้ ยอดขาย อาวดี้ ในช่วง 7 เดือนอยู่ที่ราว 500-600 คัน ลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากปัจจัยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่น้อยในปีนี้ นับตั้งแต่ต้นปีบริษัทได้เปิดตัวจำนวน 3 รุ่น และในรุ่นล่าสุดได้แก่ Audi Q8 TFSI e quattro S line edition one ในราคา 5,799,000 บาท
สำหรับ เป้าหมายยอดขายในปีนี้ คาดว่าจะลดลงในระดับ 15% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 1,200-1,300 คัน ซึ่งบริษัทได้ปรับลดเป้าหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในประเทศไทย และมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรและบริการหลังการขายเป็นหลัก
“ในปีนี้ Audi ทั่วโลกได้คาดการณ์ยอดขายลดลงจากปีก่อน 1.9 ล้านคัน เหลือ 1.7-1.8 ล้านคัน จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ทีเปิดตัวลงสู่ตลาดได้น้อย”
ขณะที่ ในประเทศไทยปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่น้อยกว่า 10 รุ่น หรือ ราวไตรมาสละ 2 รุ่น รวมถึงจากการพูดคุยกับบริษัทแม่ ตามความต้องการรถยนต์ทุกรุ่นในประเทศไทยจะต้องมีเทคโนโลยี ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ซึ่งบริษัทแม่ตอบรับความต้องการดังกล่าวของประเทศไทย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ส่วนเป้าหมายการจำหน่ายเฉพาะเพียงแต่รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นในปี 2030 นั้นอาจไม่ได้เป็นไปตามการคาดการณ์ของหลายฝ่าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ราคาอย่างเป็นทางการ Audi Q8 TFSI e quattro S line edition one (Minorchange) : 5,799,000 บาท (นำเข้า CBU) | Plug-in Hybrid
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปริมาณรถยนต์สะสมของ อาวดี้ (Car Park) ในประเทศไทยย้อนหลังกลับไป 15 ปี – ปัจจุบันอยู่ที่ราว 15,000 คัน โดยอัตราการเข้ารับบริการหลังการขายที่ศูนย์บริการมีอัตราอยู่ที่มากกว่า 80% ของปริมาณรถยนต์สะสม
นอกจากนี้ เมื่อคำนวนปริมาณช่องซ่อม กับ ปริมาณรถยนต์สะสม ในปัจจุบันมีปริมาณความเพียงพออยู่ในระดับ 90% ซึ่งเป็นปริมาณที่ยังคงเพียงพอต่อความต้องการแต่จะต้องขยายปริมาณการเติบโตในอนาคต โดยได้เริ่มมีการทยอยเพิ่มปริมาณช่องซ่อมในศูนย์บริการ อาทิ จากเดิมมี 5 ช่องซ่อมเพิ่มเป็น 10 ช่องซ่อม เป็นต้น และจะมีการขยายด้านบริการหลังการขายเพิ่มขึ้น รวมถึงมีแผนการขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง ให้ครอบคลุมแผนการเติบโตหลังจากนี้
