“นักขับเจ้าถิ่น” พลิกขึ้นนำสเตจ 3 “บรานช์” ยังครองจ่าฝูง 2 ล้อ “ดาการ์ แรลลี่”

0
158

ยาซีด อัล ราจฮี ดาวขับเจ้าถิ่นสังกัด OVERDRIVE RACING เร่งเครื่องขึ้นเป็นผู้นำ ศึกดาการ์ แรลลี่ 2024 หลังผ่านการชิงชัยในสเตจที่ 3 เบียด คาร์ลอส ซายนซ์ ลงไปรั้งอันดับ 2 ตามหลังจ่าฝูง 29 วินาที ขณะที่ รอสส์ บรานช์ จาก HERO MOTOSPORTS TEAM RALLY ยังคงรั้งหัวขบวนประเภทรถจักรยานยนต์

ศึกดาการ์ แรลลี่ 2024 ดวลความเร็วสเตจที่ 3 ในวันจันทร์ ที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ใช้เส้นทางชิงชัยระหว่าง อัล ดูวาดามี-อัล ซาลามิย่า รวมระยะทางทั้งสิ้น 733 กิโลเมตร เป็นช่วงทดสอบพิเศษ 438 กิโลเมตร และเป็นการเดินทาง 295 กิโลเมตร

แชมป์ในสเตจดังกล่าวตกเป็นของ ลูคัส โมราเอส นักขับบราซิเลียน สังกัด TOYOTA GAZOO RACING ที่ซิ่งจบการแข่งขันด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 14 นาที 51 วินาที เฉือน แมททิอัส เอ็คสตรอม จาก TEAM AUDI SPORT เพียง 9 วินาที ขณะที่จ่าฝูงอย่าง คาร์ลอส ซานยซ์ จบการแข่งขันในอันดับ 6

จากผลการแข่งขันดังกล่าวส่งผลให้ ยาซีด อัล ราจฮี ดาวขับเจ้าถิ่นสังกัด OVERDRIVE RACING ที่ทำเวลาเข้ามาเป็นอันดับ 3 ขยับขึ้นรั้งจ่าฝูงด้วยเวลารวม 13 ชั่วโมง 07 นาที 29 วินาที เบียด คาร์ลอส ซานยซ์ ลงมารั้งอันดับ 2 ตามหลังผู้นำ 29 วินาที ด้าน นาสเซอร์ อัล-อัตติยาห์ แชมป์เก่า รั้งอยู่ในอันดับ 5 ช้ากว่าจ่าฝูง 10 นาที 49 วินาที

ส่วนเกมประเภทรถจักรยานยนต์ ผู้นำยังคงเป็น รอสส์ บรานช์ จาก MOTOSPORTS TEAM RALLY ด้วยเวลารวม 14 ชั่วโมง 32 นาที 51 วินาที เร็วกว่า โฆเซ่ อิ๊กนาซิโอ คอร์เนโฆ่ ฟลอริโม่ ถึง 3 นาที 11 วินาที ขณะที่ รถควอด เป็นทางด้าน จูราจ วาร์ก้า จาก VARGA MOTORSPORT TEAM ที่พลิกขึ้นเป็นผู้นำ เบียด มาร์เซโล เมอไดรอส ร่วงไปอันดับ 3

รวมถึงประเภทรถบรรทุก ที่ตำแหน่งผู้นำมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หลัง อเลส โลเพรส, ยาโรสลาฟ วัลเตอร์ จูเนียร์ และ ยีรี่ สตรอสส์ ทัพนักขับเช็ก สังกัด INSTAFOREX LOPRAIS PRAGA ซิ่งคว้าแชมป์ในสเตจที่ 3 พลิกขึ้นเป็นผู้นำด้วยเวลารวม 14 ชั่วโมง 41 นาที 13 วินาที เหนือกว่า ยานุส ฟาน คาสเตเรน, ดาเร็ค โรเดวาลด์ และ มาร์เซล ชไนเดอร์ สังกัด BOSS MACHINERY TEAM DE ROOY FPT ถึง 3 นาที 15 วินาที

สำหรับการแข่งขันในสเตจที่ 4 ศึกดาการ์ แรลลี่ มีคิวดวลความเร็วในวันอังคาร ที่ 9 มกราคม ออกสตาร์ทจาก อัล ซาลามิย่า ไปเข้าเส้นชัยที่ อัล-โฮฟุฟ รวมระยะทางทั้งสิ้น 631 กิโลเมตร เป็นช่วงทดสอบพิเศษ 299 กิโลเมตร