Ford Everest รุ่นปัจจุบัน เปิดตัวครั้งแรก 13 พฤศจิกายน 2014 ที่ประเทศจีน ห่างหายไปนานเกือบ 12 ปี จากรุ่นเดิมที่เปิดตัวมาตั้งแต่ มีนาคม ปี 2003 ส่วนในไทยนั้นเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Motor Show 2015 เดือน มีนาคม จากนั้นมีการปรับอุปกรณ์เรื่อยมารายปี
จนกระทั่งมีการปรับโฉม Minorchange อย่างจริงจังเมื่อเดือน กรกฎาคม 2018 นอกเหนือจากการปรับดีไซน์เล็กน้อย หลักใหญ่ใจความสำคัญอยู่ที่การปรับเปลี่ยนขุมพลังใหม่ เป็น ดีเซล 2.0 เทอร์โบ และ ดีเซล 2.0 เทอร์โบคู่ นับจากการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2014 จนถึงวันนี้ปลายปี 2021 ทำให้ Ford EVEREST โฉมปัจจุบัน มีอายุอานามเกือบ 8 ปี ถึงเวลาของการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่
วันนี้ 1 มีนาคม 2022 Ford ได้เผยโฉม All NEW EVEREST ใหม่ เป็นครั้งแรกพร้อมกันทั่วโลก ผ่านช่องทางออนไลน์ หลังจากได้เปิดตัว All NEW Ranger และ Ranger RAPTOR ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้
Highlights ไฮไลท์สำคัญของ All NEW Ford Everest
Exterior ภายนอก
- ภายนอก 3 รูปแบบการตกแต่ง
- Everest Sport
- Everest Titanium Plus
- Everest Platinum
- ระยะฐานล้อ ยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร
- ความกว้าง เพิ่มขึ้น 50 มิลลิเมตร
- ขยับฐานล้อหน้า ขึ้นมาด้านหน้า อีก 50 มิลลิเมตร
- เพื่อการลุย Off-Road เพราะมีระยะ Overhang ที่สั้น
- ล้ออัลลอย ขนาด 20 นิ้ว
- ไฟหน้า Matrix LED Headlamps
- ไฟ Daytime Running Light แบบ LED รูปตัว C
- ไฟท้าย LED
- ช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ Off-Road : Upfitter Switch
- ราวหลังคา รองรับน้ำหนักได้มากถึง 350 กิโลกรัม
Powertrain ขุมพลัง
- เครื่องยนต์มีให้เลือก 4 ขุมพลัง
- เครื่องยนต์ ดีเซล V6 3.0 เทอร์โบ
- เครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 เทอร์โบคู่
- เครื่องยนต์ ดีเซล 2.0 เทอร์โบ
- เครื่องยนต์ เบนซิน 2.3 เทอร์โบ
- ระบบส่งกำลัง-เกียร์
- เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ SelectShift พร้อม Manual Mode + –
- เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (ในบางประเทศ)
- คันเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter
- ระบบขับเคลื่อน
- ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (ในบางประเทศ)
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time 4WD พร้อมระบบ Terrain Management System
- เฟืองท้าย Locking Rear Differential
- เกียร์ Transfer 2 จังหวะ On-Demand Two-Speed Electromechanical transfer case – EMTC
เครื่องยนต์ของ All NEW Ford Everest มีให้เลือกด้วยกัน 4 ขุมพลัง
*ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดด้านพละกำลังของเครื่องยนต์อย่างเป็นทางการ แต่อ้างอิงเบื้องต้นจากเครื่องยนต์ที่ Ford ใช้อยู่ในรถรุ่นต่างๆ
ดีเซล Power Stroke V6 3.0 Turbo (อ้างอิงจาก F-150)
เครื่องยนต์ดีเซล Powerstroke V6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 253 แรงม้า ที่ 3,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 597 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
ดีเซล EcoBlue 2.0 Bi-Turbo
เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) กำลังสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
ดีเซล EcoBlue 2.0 Turbo
เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 180 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
เบนซิน 2.3 EcoBoost Turbo (อ้างอิงจาก Bronco)
เครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.3 ลิตร 2,264 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 274 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ
Interior ภายในห้องโดยสาร
- หลังคากระจก Panoramic Sunroof เปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า
- ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charger
- ช่องชาร์จอุปกรณ์ Electronic ติดตั้งทั้ง 3 แถว
- ช่องชาร์จไฟบ้าน 230V
- มาตรวัด Full Digital ขนาด 12.4 นิ้ว
- หน้าจอควบคุมกลาง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 12.0 นิ้ว
- ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A
- ระบบเชื่อมต่อ Application FORD Pass สั่งงานผ่าน Smart Phone
- สั่งสตาร์ทรถจากระยะไกล
- ตรวจเช็คข้อมูลรถเบื้องต้น
- ล็อค และ ปลดล็อค ประตู
- สั่งเปิด-ปิดไฟ และ ไฟส่องสว่างกระบะท้าย
- ระบบช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมง Always-On / Everest Concierge
- ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light
- ที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้ สำหรับเบาะคู่หน้า
- ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start
- ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระ 3-Zones
- สวิตซ์ควบคุมระบบปรับอากาศ สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
- ระบบเสียง Premium รอบทิศทาง Bang & Olufsen
Seating เบาะนั่ง
- เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง
- เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 10 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- เบาะนั่งแถวที่ 2 แยกพับอิสระ 60 : 40
- เบาะนั่งแถวที่ 2 เลื่อนหน้า-ถอยหลัง ได้
- เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้
- เบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับอิสระ 50 : 50
- เบาะนั่งแถวที่ 3 พับได้เรียบ ด้วยระบบไฟฟ้า
- ระบบปรับอุณหภูมิเบาะนั่ง Heated Seat เบาะคู่หน้า – เบาะแถว 2
- ระบายอากาศเบาะนั่ง Ventilation Seat เบาะคู่หน้า – เบาะแถว 2
Safety ระบบความปลอดภัย
- ระบบถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยระหว่างเบาะคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง
- ม่านถุงลมนิรภัย 2 ตำแหน่ง ยาวถึงเบาะนั่งแถวที่ 3
- ถุงลมนิรภัยหัวเข่าผู้ขับขี่ 1 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า ติดตั้งครั้งแรกใน Everest
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง Adaptive Cruise Control with Stop & Go
- with Stop & Go รักษาระยะห่าง และ เบรกให้รถจอดสนิท
- with Lane Centering ควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร
- Intelligent อ่านป้ายจราจร และ ปรับความเร็วอัตโนมัติ
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร ตรวจจับขอบถนน Lane Keeping System with road-edge detection
- ระบบหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ Evasive Steering Assist
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง Reverse Brake Assist
- ระบบตรวจจับรถในมุมอับสายตา ครอบคลุมส่วนต่อพ่วง* Blind Spot Information System with Trailer Coverage (*รองรับเทรลเลอร์กว้าง 2.4 เมตร ยาว 10 เมตร)
- ระบบป้องกันการชนบริเวณทางแยก Pre-Collision Assist with Intersection Functionality
- ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Parking Assist 2.0
- กล้องรอบคัน 360 องศา
รายละเอียดเพิ่มเติมของ All NEW Ford EVEREST ติดตามได้เร็วๆนี้ คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ช่วงปลายปี 2022 นี้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีมงาน AutolifeThailand จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ