เอ็มจี ยิ้มแก้มปริ ยอดขายปี63 เติบโต7% โดยมียอดขายรวม 28,316 คัน เป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์ SUV เมืองไทย ด้วยยอดขายที่สูงถึง 17,819 คัน ส่วนปีนี้เตรียมเปิดตัวรถใหม่เพิ่ม 1 รุ่น ตั้งเป้าขายโต 40% เป็น 42,000 คัน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองประธาน บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงผลดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมา และแผนการตลาดของ เอ็มจี ในปีนี้ว่า ยอดขายเมื่อปีที่ผ่านมาค่อนข้างน่าพอใจ โดยมียอดขายรวม 28,316 คัน เติบโตขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับปี 2562
ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 26,516 คัน โดยแบ่งเป็นยอดขาย MG ZS สูงถึง 11,013 คัน ตามมาด้วย MG HSจำนวน 6,008 คัน (รวม MG HS PHEV ประมาณ 600 คัน) กระบะ MG Extender 5,387 คัน MG3 จำนวน 4,856 คัน และ MG ZS EV และ MG EP จำนวน 826 คัน และรุ่นอื่นๆ 226 คัน
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดยอดขายรถยนต์ในแต่ละกลุ่มพบว่า เอ็มจียังครองแชมป์ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มรถ SUV ด้วยยอดการจำหน่ายรวมสูงถึง 17,819 คัน หรือประมาณเกือบหนึ่งในสี่ของตลาดรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าว โดยมียอดจำหน่ายอันดับหนึ่งในกลุ่ม C-SUV สูงกว่า โตโยต้า ที่มียอดจำหน่ายรถในกลุ่มนี้ที่ 16,326 คัน ส่วนยอดขายรถในกลุ่ม B-SUV นั้น MG มียอดจำหน่ายสูงเป็นลำดับที่สองของกลุ่ม
นอกจากนี้ บริษัท ยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 88% ด้วยยอดขาย 826 คัน จากยอดขายรวมทั้งหมด 939 คัน โดย MG EP ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาก็มียอดจองกว่า 200 คัน จากเป้าที่ตั้งไว้เดือนละ 100 คัน
นายพงษ์ศักดิ์ ได้คาดการณ์ตลาดรถยนต์ในปีนี้ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 840,000 คัน ส่วนยอดขายรถยนต์ในปีที่ผ่านมาคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 795,000 คัน เอ็มจี ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 42,000 คัน หรือเติบโตขึ้นกว่า 40% ซึ่งสาเหตุที่ เอ็มจี ตั้งเป้าการเติบโตที่สูงมากขนาดนี้ มาจากการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ จาก 150 แห่งในปีที่ผ่านมาเป็น 170 แห่งในปีนี้
เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ และสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้นประกอบกับมีแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีก 1 รุ่นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยผลักดันยอดขายในปีนี้ให้เพิ่มมากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าโครงการขยายสถานีชาร์จ MG Super Charge รองรับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นสถานีชาร์จที่รองรับการชาร์จแบบ DC นั้น มีแผนติดตั้งได้ครบ 100 จุดชาร์จภายในเร็วๆนี้ ซึ่งอยู่ในระหว่างการทดลองระบบก่อนการเปิดใช้งาน และในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการตั้งสถานี MG Super Charge เพิ่มอีก 500 จุด เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และกระตุ้นการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างครอบคลุม
“ภายในครึ่งปีแรกของปีนี้ MG จะเร่งติดตั้ง MG Super Charge ให้ครบ 200 แห่งโดยสถานที่ติดตั้งส่วนใหญ่จะอยู่ในกทม. และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวรอบกทม.ในระยะ 200 กม. และจะเริ่มคิดค่าไฟฟ้าจากการชาร์จในระบบหัวจ่าย DC ในอนาคตอันใกล้ด้วย” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
MG EP รถไฟฟ้า100% วิ่งได้ 380 กม./ชาร์จ ราคาลุ้น 1 ล้านนิดๆ (มีคลิป)