slide 1
slide 1
Image Slide 2
Image Slide 2
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow
Homeสกู๊ปพิเศษรายงานพิเศษบริษัทแม่ใส่ใจ​ OMODA & JAECOO ในไทยเติบโตเร็วติด Top 5 ของโลก

บริษัทแม่ใส่ใจ​ OMODA & JAECOO ในไทยเติบโตเร็วติด Top 5 ของโลก

การดำเนินธุรกิจของ OMODA & JAECOO (โอโมด้า แอนด์ เจคู่) ในประเทศไทยครบรอบ 1 ปี ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ พร้อมทั้งการเติบโตที่เหนือความคาดหมายจากการเปิดตัว JAECOO 5 EV จนกระทั่งมียอดจองถล่มทลายในระยะเวลาอันสั้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2568

เซดริก ชุย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เป้าหมายยอดขายของบริษัทในปีนี้เดิมบริษัทมองว่าจะอยู่ที่ 7,000 – 8,000 คัน แต่ปัจจุบัน 10 เดือน (มกราคมตุลาคม) บริษัทมียอดส่งมอบไปแล้วกว่า 12,000 คัน โดยคาดว่าในปี 2568 นี้คาดว่าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 14,000 คัน พร้อมทั้งในช่วงแรกบริษัทได้ประกาศแผนการขยายเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการ (โชว์รูม) อยู่ที่ 30 แห่ง แต่ปัจจุบัน ณ เดือนตุลาคม 2568 บริษัทมีโชว์รูมอยู่ที่ 80 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณยอดขายที่ก้าวกระโดด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : OMODA & JAECOO ประกาศ 1 ปีมาถูกทาง! พร้อมตั้งศูนย์ R&D ในไทย

ทั้งนี้ การบริการหลังการขายเป็นสิ่งสำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการเติบโตของยอดขาย โดยบริษัทได้มีการนำระบบการบริหารจัดการที่พัฒนาขึ้นสำหรับตลาดต่างประเทศของแบรนด์มาใช้ในประเทศไทย เพื่อสร้างมาตรฐานการให้บริการและเชื่อมโยงฐานข้อมูลของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้แทนจำหน่าย, สำนักงานใหญ่, คลังสินค้า ให้อยู่ภายใต้ฐานข้อมูลเดียวกันเพื่อการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ

OMODA & JAECOO
เซดริก ชุย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)

ขณะที่ บริษัทมีแผนเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่โรงงานในประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 80,000 คันต่อปี โดยบริษัทได้เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV 3.5) ของรัฐบาล ซึ่งได้มีการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้ามาจำหน่ายก่อนหน้านี้และคาดว่าตั้งแต่ปี 2569 บริษัทจะต้องเริ่มผลิตชดเชยในปริมาณรวมอยู่ที่ 28,000 – 30,000 คัน โดยในปีหน้าบริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยานยนต์ ครอบคลุมทั้งรถไฟฟ้า BEV (Battery Electric Vehicle) 5 รุ่น โดยผลิตในประเทศ 2 รุ่นและนำเข้า 3 รุ่น, REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 1 รุ่น, HEV (Hybrid Electric Vehicle) 1 รุ่น และ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) 2 รุ่น

นอกจากนี้ บริษัทมองว่าความต้องการของตลาดในประเทศไทยให้การตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยการผลิตของโรงงานในประเทศไทยจะมีสัดส่วน 85-90% เป็นหลัก โดยโมเดลหลักจะเป็น JAECOO 5 EV, OMODA 4 (OMODA C3) รวมถึง Chery QQ รวมถึงมีแผนการผลิตเพื่อการส่งออกโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา และส่งออกไปยัง ออสเตรเลีย, มาเลเซีย และ ยุโรป ซึ่งในแต่ละประเทศก็มีความเข้มงวดในข้อกำหนดต่าง ๆ พอสมควร รวมถึงยังมีแผนการผลิตพวงมาลับยซ้ายเพื่อการส่งออกในตลาดอาเซียนด้วยเช่นกัน

สำหรับ การผลิตในประเทศไทยภายใต้ข้อกำหนดเงื่อนไขการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศไม่น้อยกว่า 40% ถือเป็นความท้าทายของบริษัทเช่นกัน แต่บริษัทได้มีการเจรจากับพันธมิตรผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศ เพื่อให้มีโซลูชั่นที่ดีที่สุดในการผลิตในประเทศไทย

บริษัทได้เจรจากับ Gotion บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะพัฒนาการประกอบแบตเตอรี่ในระดับเซลล์ ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีหัวใจคือแบตเตอรี่

อย่างไรก็ตาม อยากนำเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนการนำรถเก่ามาแลกรถใหม่เช่นเดียวกับในประเทศจีนเพื่อส่งเสริมให้ตลาดมีความเติบโตในอนาคต

OMODA & JAECOO
บิล จาง ผู้อำนวยการ บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย)

บิล จาง ผู้อำนวยการ บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในปี 2569 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้อยู่ที่ 26,000 คัน พร้อมแผนการขยายเครือข่ายศูนย์จำหน่ายและบริการเพิ่มขึ้นเป็น 120 แห่งทั่วประเทศ โดยบริษัทได้ศึกษาความสำเร็จจาก JAECOO 5 EV ทำให้ได้เรียนรู้ถึงการตั้งราคาแบบสมเหตุสมผลที่ถือเป็นการให้เกียรติลูกค้า พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่และการใช้งานของผู้บริโภค อาทิ ระบบขับขี่อัตโนมัติ ระบบความปลอดภัยขั้นสูง และระบบความบันเทิงล้ำสมัย และการพัฒนาบริการพิเศษใหม่ ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมาย

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน OMODA & JAECOO ในประเทศไทย มีอัตราเติบโตติดอันดับ 1 ใน 5 (Top 5) ด้านยอดขายที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก และประเทศไทยมีจำหน่ายเฉพาะ รถยนต์ไฟฟ้า 100% เป็นหลัก ต่างจากประเทศอื่นที่มีความหลากลายของเทคโนโลยี ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน, รถยนต์ไฟฟ้า และอื่น ๆ ดังนั้นบริษัทแม่ที่ประเทศจีนจึงให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทยอย่างมากในการศึกษาความสำเร็จ รวมถึงได้รับการยอมรับให้เป็นกรณีศึกษาตลาดต้นแบบที่เป็นตัวอย่างในการศึกษาดูงานของประเทศอื่น เพื่อนำไปพัฒนาปรับใช้ให้มีความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจในประเทศอื่น ๆ

ปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างมากโดยบริษัทแม่ที่ประเทศจีนได้ส่งผู้บริหารระดับสูงและทีมงานผู้เชี่ยวชาญในทุกด้านมาประจำที่ประเทศไทยเพื่อมาศึกษาข้อมูลและพร้อมแก้ไขปัญหาในทุกด้านอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านบริการหลังการขาย, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ เป็นต้น

- Advertisement -spot_img
Mitsubishi Mega Deal
Mitsubishi Mega Deal
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน
ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน แบล็ก เอดิชัน
previous arrow
next arrow
- Advertisement -spot_img

Stay Connected

500,000FansLike
14,000FollowersFollow
203,000FollowersFollow
319FollowersFollow
114,000SubscribersSubscribe

Must Read

Related News