ขุมพลังดีเซล แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ซึ่งประจำการอยู่ใน Ford Ranger และ Ford Everest กำลังจะยุติการทำตลาดทั่วโลก รวมไปถึงออสเตรเลียซึ่งจะมีผลในปี 2026 แม้ว่าเครื่องยนต์รุ่นนี้จะเป็นหนึ่งในรุ่นยอดนิยมในตลาดดังกล่าวก็ตามที ส่งผลให้ Ford ออสเตรเลีย ต้องปรับปรุงเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมกับขยายรุ่นย่อยขุมพลัง V6 เพื่อมาอุดช่องว่างตรงนี้
Ford ออสเตรเลีย ระบุว่าเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ที่มีอยู่แล้วจะผ่านการปรับปรุงด้วยการติดตั้งชุดหัวฉีดใหม่ พร้อมกับเปลี่ยนจากสายพานเป็นโซ่ราวลิ้น ช่วยให้มีสมรรถนะสูงขึ้นและทนทานยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังจะปลดระวางเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะของเดิม พร้อมแทนที่ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบบเดียวกับที่ใช้อยู่ในขุมพลังดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่นั่นเอง ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ตัวเลขสมรรถนะและอัตราการปล่อยมลพิษจะอยู่ที่เท่าใด รวมถึงผ่านมาตรฐาน Euro 6 หรือไม่
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว เวอร์ชั่นปัจจุบัน กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตร และมีโอกาสสูงที่รุ่นใหม่จะแรงขึ้น แต่น่าจะยังคงห่างจากเวอร์ชั่นเทอร์โบคู่ ที่กำลังจะปลดระวาง ซึ่งให้กำลังสูงสุด 209 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร นอกจากนั้น จะยังเป็นครั้งแรกที่มีการนำขุมพลังดีเซลเทอร์โบเดี่ยวไปติดตั้งใน Ford Everest ด้วย สำหรับขุมพลังดีเซล V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ มีข้อมูลจาก Ford ออสเตรเลียแค่ว่า จะนำไปติดตั้งในรุ่นย่อยที่หลากหลายขึ้น และจะไม่มีการปรับปรุงเชิงวิศวกรรม
สำหรับขุมพลัง PHEV ใน Ford Ranger ที่ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบ เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเช่นกันและยังทำตลาดต่อไป สำหรับกำหนดการเริ่มส่งมอบของ Ford Ranger และ Ford Everest รุ่นปี 2026 เวอร์ชั่นออสเตรเลีย จะเริ่มขึ้นในครึ่งแรกของปี 2026 โดยจะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง เมื่อใกล้ถึงกำหนดการเปิดตัว






