การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ยืนยันการเจรจาต่อสัญญาจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก MotoGP กับ Dorna Sports ได้ข้อสรุปแล้ว เดินหน้านำแผนต่อสัญญาระยะยาวอีก 5 ปี (ปี 2027 – 2031) เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดสามารถเข้าสู่วาระในนัดถัดไปคือ วันที่ 4 พ.ย.นี้
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาต่อสัญญาโมโตจีพี สนามประเทศไทย ว่า การกีฬาแห่งประเทศไทยรวมถึงรัฐบาล ทราบดีว่า การต่อสัญญาการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี (MotoGP) สนามประเทศไทย ถูกจับตาจากสื่อมวลชนทั้งต่างชาติ สื่อไทย รวมถึงแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก ต่างรอคอยให้ความสนใจอย่างมากต่อสถานะของ ThaiGP หลังปี 2026 ขอยืนยันว่า ขณะนี้การเจรจาระหว่างการกีฬาแห่งประเทศไทยในฐานะคู่สัญญากับ Dorna Sports เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศให้มากที่สุดและเตรียมเดินหน้าเข้าสู่การอนุมัติขั้นสุดท้าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : MotoGP 2026 ยืนยันจัด Pre-Season Test และ Main Race ในไทย
ทั้งนี้ การกีฬาแห่งประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพ โมโตจีพี เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา การจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับการยอมรับในระดับโลก ทั้งด้านมาตรฐานสนามและการบริหารจัดการแข่งขัน ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของประเทศ โดยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำข้อเสนอเชิงกลยุทธ์ฉบับใหม่ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐบาลให้พิจารณา
ดร. ก้องศักด กล่าวว่า การดำเนินการต่อสัญญา พิจารณาจากผลงานที่ผ่านมามีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า ThaiGP สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนจำนวนมหาศาล และเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการพัฒนามิติต่าง ๆ มากมาย อาทิ มิติในการพัฒนาด้านกีฬา, เป็น Soft Power และ Global Brand Positioning ของประเทศไทย ตลอด 6 ปี สร้างรายได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมสูงถึง 2.4 หมื่นล้านบาท จากการท่องเที่ยว การจ้างงาน การลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น ถือเป็นผลสำเร็จของนโยบาย Sport Tourism ของไทยอย่างแท้จริง
โดยที่ผานมา ThaiGP มีจุดแข็งทั้งเสน่ห์วิถีไทย ที่สร้างชื่อและความประทับใจให้ประเทศไทยเป็นที่จับตามองและจารึกชื่อในประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตโลกต่อเนื่องมาถึง 6 ปี รวมถึงล่าสุดกับ 2 ปีซ้อนที่ที่ได้เป็นสนามเปิดศักราชของฤดูกาล
การต่อสัญญาในครั้งนี้จะต่อสัญญาออกไป 5 ปี ระหว่างปี 2027 – 2031 (พ.ศ. 2570 – 2574) สำหรับการนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาและอนุมัติงบประมาณนั้น กำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดย คาดว่าจะสามารถนำเข้าวาระการประชุมนัดต่อไปคือวันที่ 4 พ.ย. 2568
“การต่อสัญญาครั้งนี้ มีการเพิ่มค่าลิขสิทธิ์การจัดการแข่งขันขึ้นเล็กน้อย แต่ยืนยันว่าราคาของประเทศไทยไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ โดยมีปัจจัยสำคัญคือจุดแข็งที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยเราพยายามต่อรองให้ได้เงื่อนไขที่คุ้มค่าที่สุด”
สำหรับแผนการจัดการแข่งขันในสัญญาฉบับใหม่ มุ่งเน้นการยกระดับการจัดการแข่งขันให้สอดคล้องกับเทรนด์โลก สร้างคุณค่า สร้างภาพลักษณ์เชิงกลยุทธ์ และผลประโยชน์สูงสุดที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพระยะยาว ซึ่งมีความชัดเจนและแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก ซึ่งมั่นใจว่าด้วยจุดแข็งที่มีและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน จะสามารถนำข่าวดีมาสู่แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยและทั่วโลกได้ในเร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากว่าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย เสนอ ยังมีขั้นตอนต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ดำเนินการจัดสรรงบประมาณทั้งงบประมาณประจำปีและงบจากกองทุนการพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) ดังนั้นหลังจากดำเนินการลงนามในสัญญา การกีฬาแห่งประเทศไทย มีแนวนโยบายที่จะให้ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น จะมีการเชิญภาคเอกชนเข้ามาเจรจาและร่วมในการจัดงานอย่างเป็นรูปธรรมและทันที เนื่องจากการต่อสัญญาครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับการจัดงานปีสุดท้ายของสัญญาเก่า (2026) ซึ่งถือว่าล่าช้า ทำให้ต้องมีการเร่งรัดการดำเนินงาน เร่งบูรณาการความร่วมมือด้านต่างๆของภาครัฐและเอกชนร่วมกันให้มากที่สุด เพื่อให้ MotoGP ไทยเป็นเมกะอีเวนต์ที่สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ






