ธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางน้ำของ ยามาฮ่า (Yamaha Marine) ในประเทศญี่ปุ่นถือได้ว่าได้รับความนิยมและมีผลิตภัณฑ์ที่ครบครันในทุกกลุ่ม โดยมี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ เจ็ทสกี, เรือ, เครื่องยนต์เรือ ซึ่งครั้งนี้ Autolifethailand ได้เดินทางมายัง Yamaha Marina Hamanako ซึ่งเป็นท่าเรือของ ยามาฮ่า ที่ดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1972 จนถึงปัจจุบัน
Yamaha Marina Hamanako ตั้งอยู่บนเชิงเขาติดทะเลสาป ฮามานาโกะ (Lake Hamanako) มีพื้นที่ 75,000 ตร.ม. โดยสถานที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่หน่วยธุรกิจทางน้ำของยามาฮ่า Yamaha Marina Head Office และประกอบไปด้วย คลับเฮ้าส์, ศูนย์บริการ, สถานที่จอดเรือและพื้นที่จัดกิจกรรม
Lake Hamanako ถือเป็นทะเลสาปแม่ของ Yamaha Marine ใช้จัดกิจกรรมต่าง ๆ มาโดยตลอด ทั้งการจัดกิจกรรมการอมรมทางน้ำ, การสอบใบขับขี่เรือและกิจกรรมทางสังคมที่ร่วมกับชุมชนรวมถึงโรงเรียนโดยรอบพร้อมทั้งยังเป็นพื้นที่สำคัญในการทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่
ที่นี่ไม่ใช่อู่ต่อเรือแต่อย่างใด เพราะการผลิตผลิตภัณฑ์ทางน้ำอยู่ในโรงงานยามาฮ่าซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาปดังกล่าว ซึ่งอยู่ในเมืองฮามามัตสึ (Hamamatsu) ที่เดียวกับสำนักงานใหญ่ของยามาฮ่ามอเตอร์
Yamaha Marina Hamanako แห่งนี้ได้มีการปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการที่เติบโต โดยล่าสุดในปี ค.ศ. 2019 – 2020 ได้มีการปรับภูมิทัศน์และก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ ซึ่งได้รับรางวัลด้านการออกแบบดีไซน์ แต่เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ เป็นช่วงของสถานการณ์การการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่ยังไม่มีผู้เข้าชมอย่างแพร่หลาย
จากข้อมูลของประเทศญี่ปุ่นระบุว่า ท่าเรือ ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดมีจำนวนมากกวา 13,000 แห่ง ทั่วประเทศ และมีจำนวน 500 แห่งที่ได้รับความนิยม ซึ่งท่าเรือแห่งนี้ติดอันดับ 1 ใน 500 ของท่าเรือที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น
นอกเหนือจากได้เยี่ยมชมบริเวณโดยรอบของท่าเรือดังกล่าวยังมีโอกาสได้สัมผัสกับเรือ 4 รุ่น ที่น่าสนใจของยามาฮ่า ซึ่งมีดังนี้
1.EXULT36 เรือลำนี้ถือเป็นเรือธงสำคัญ (YAMAHA Flagship) ซึ่งมีขนาด 36 ฟุต ถ่ายทอด ดีเอ็นเอ ของ ยามาฮ่า ในการขับขี่ไว้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งเอกลักษณ์การดีไซน์เฉพาะตัวสไตล์ยุโรป รวมถึงระบบกันโคลง (Anti Rolling Gyro หรือ ARS) ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ Inboard Performance System หรือ IPS โดยควบคุมการขับขี่ด้วยคันบังคับ Joystick
2.SR320 เรือลำนี้มาพร้อมเทคโนโลยี HELMO MASTER EX ซึ่งเป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ติดท้ายเรือ Onboard อันเป็นเอกลักษณ์ของยามาฮ่า และยังถูกติดตั้งคันบังคับ Joystick และระบบ Autopilot จุดเด่นของเรือลำนี้คือการขับเคลื่อนด้วยทางขนานและการหมุนเรืออยู่กับที่แบบ 360 องศา ทำให้การขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยการเปิดตัวเทคโนโลยีดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกาได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างมาก
3.SB275SD เรือลำนี้เป็นเรือตัวแรง (Speed Boat) ขนาด 27 ฟุต เครื่องยนต์ Inboard ประสิทธิภาพสูงแต่มีดีไซน์ที่หรูหรา และติดตั้งเทคโนโลยี Drive X ระบบบังคับเลี้ยวในย่านความเร็วต่ำรุ่นล่าสุดของแบรนด์ พร้อมคันบังคับ Joystick และ พวงมาลัยติดตั้งสวิทช์ควบคุม สามารถขับเคลื่อนด้วยทางขนานและการหมุนเรืออยู่กับที่แบบ 360 องศา พร้อมทั้งระบบจอดเทียบท่าอัตโนมัติ ใช้งานง่ายด้วยหน้าจอแสดงผล
4.Classic Boat เรือลำนี้โดดเด่นด้วยการดีไซน์แบบย้อนยุคแบบเรือประมงในอีดตของญี่ปุ่น แต่ถูกติดตั้งเทคโนโลยี HELMO ช่วยเหลือการขับขี่ พร้อมคันบังคับ Joystick และ พวงมาลัย–นาดใหญ่แบบย้อนยุค นอกจากนั้นเรือลำนี้ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ที่ให้เสียงเงียบสามาถสัมผัสได้กับธรรมชาติและเสียงน้ำ แต่ไม่สามารถแล่นได้ด้วยความเร็ว จึงเหมาะสำหรับการตกปลาหรือการสันทนาการ
ต้องบอกว่าเรือแต่ละลำที่ Autolifethailand ได้ลองนั่งและขับขี่บางลำมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันมาก แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือ เทคโนโลยีที่ถูกติดตั้งเข้าใจแสดงถึงแนวทางการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และสร้างความสนุกให้กับผลิตภัณฑ์ได้อย่างแตกต่างมาโดยตลอด เช่นเดียวกับการพัฒนารถจักรยานยนต์ที่เป็นธุรกิจหลักของแบรนด์เช่นเดียวกัน
สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ทางน้ำ Yamaha Marine ในประเทศไทย มีการวางจำหน่ายในกลุ่ม เจ็ทสกี อย่าง Yamaha WaveRunner และ Yamaha SuperJet และกลุ่มเครื่องยนต์เรือ เท่านั้น
ส่วนในกลุ่มเรือนั้นในอดีต ยามาฮ่า เคยทำตลาดเรือประมงโดยพุ่งเป้าการจำหน่ายไปที่หน่วยงานรัฐและสถาบันการศึกษา และขนาดของตลาดเรือประมงในประเทศไทยมีการแข่งขันที่สูงจึงไม่มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดังกล่าวจำหน่าย ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างมาก หาก ยามาฮ่า สามารถทำราคาที่แข่งขันได้และตลาดมีการตอบรับคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับราคา เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ของ ยามาฮ่า จะสามารถตอบสนองด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ได้อย่างแน่นอน








