นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า กบน. ได้พิจารณาสถานการณ์ ราคาน้ำมัน ในตลาดโลกและให้ความสำคัญกับการดูแลภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนจึงสั่งการให้มีการประชุม กบน. ในวันนี้ (20 ตุลาคม 2568) เพื่อปรับลดราคาน้ำมันน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์/ลิตร และน้ำมันเบนซินลง 30 สตางค์/ลิตร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2568
ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุด ราคาน้ำมันดิบดูไบ ปรับลดลงมาอยู่ที่ 61.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซล ลดลงมาอยู่ที่ 82.32 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันเบนซินอยู่ที่ 77.59 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลโดยปัจจัยสำคัญมาจากการลดความเสี่ยงจากการโจมตีโครงข่ายโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียโดยยูเครนการผ่อนคลายแรงกดดันทางการทูตต่อประเทศที่ต้องการซื้อน้ำมันจากรัสเซียซึ่งอาจเร่งให้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวเข้าสู่กรณีการคาดการณ์ในเชิงลบ
นอกจากนี้สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันโลกอาจล้นตลาดหลังกลุ่ม OPEC+ เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ส่งผลให้อุปสงค์การใช้พลังงานทั่วโลกลดลง
“การปรับลดราคาน้ำมันในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามนโยบาย Quick Big Win ที่ให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มุ่งสร้างผลลัพธ์เชิงรูปธรรมอย่างชัดเจน และรวดเร็ว เพื่อดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เดินหน้าอย่างมั่นคง”
สำหรับ พลังงานเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ส่งผลโดยตรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งการลดราคาดีเซลดังกล่าว นับเป็นการปรับลดต่อเนื่องจากเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (3 ตุลาคม 2568) โดยลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์/ลิตร จาก 31.44 บาท/ลิตร เป็น 30.94 บาท/ลิตร และยังมีการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลงทุกชนิด 30 สตางค์/ลิตรเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรงจากการบริหารจัดการราคาพลังงานอย่างทันท่วงที
นายอรรถพล กล่าวว่า การเดินหน้านโยบาย Quick Big Win ภายใต้ภารกิจ 4 เดือน จะสร้างผลลัพธ์ให้ชัดเจนในทุกมิติ ทั้งการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน การบริหารจัดการราคาพลังงานอย่างโปร่งใส และการสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน
สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 19 ตุลาคม 2568 ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนน้ำมันฯ ติดลบอยู่ที่ 14,754 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 26,910 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 41,664 ล้านบาท ส่วนการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันเบนซินในครั้งนี้ จะทำให้รายรับของน้ำมันเบนซินลดลงเหลือประมาณวันละ 83.17 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 92.79 ล้านบาท ขณะที่รายรับจากกลุ่มน้ำมันดีเซลยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ประมาณวันละ 61.70 ล้านบาทเท่าเดิม