เอ็มจีซี-เอเชีย (MGC-ASIA) ประกาศแผนเชิงกลยุทธ์ เข้าซื้อหุ้นทั้งหมด ในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด จาก บริษัท อรุณ พลัส โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด เร่งต่อยอดยกระดับแผนธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem เดินเกมรุกสู่ธุรกิจ Mobility ยุคใหม่
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัทได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า บริษัท เอ็มจีซี-เอเชีย กรีนเทค จำกัด (MGC-ASIA Greentech) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ เอ็มจีซี-เอเชีย ได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน บริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด (Neo Mobility Asia) โดย Neo Mobility Asia เดิมเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง MGC-ASIA Greentech และบริษัท อรุณ พลัส โมบิลิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (AMH) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปตท.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : MGC-ASIA เผยผลประกอบการไตรมาส 1/68 รายได้ 4,065 ล้านบาท กำไรโต 678%
สำหรับ การซื้อหุ้นครั้งนี้ ส่งผลให้ เอ็มจีซี-เอเชีย Greentech ถือหุ้นใน Neo Mobility Asia เป็น 100% จากเดิมที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49.99% ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเต็มรูปแบบ สู่การสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจในอนาคต เนื่องจากการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การถือครองหุ้น 100% แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของระบบนิเวศ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของ เอ็มจีซี-เอเชีย ที่กำลังมุ่งสู่การสร้างโลกแห่ง Mobility ที่ครอบคลุมทั้งประสบการณ์ผู้ใช้เทคโนโลยีและความยั่งยืน ตามหลักกลยุทธ์ Lifestyle Mobility Ecosystem และด้วยประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 25 ปี รวมถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้จะขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : MGC-ASIA จับมือ Arun+ (อรุณพลัส) ในกลุ่มของ ปตท. ตั้งบริษัท ” นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย ” เตรียมเปิดตัวแบรนด์รถไฟฟ้า100% ไตรมาส 2 ปี 2024 นี้ !
ทั้งนี้ การเข้าถือหุ้น 100 % ในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด ครั้งนี้ เอ็มจีซี-เอเชีย จะยกระดับแผนธุรกิจ Lifestyle Mobility Ecosystem อย่างมีนัยสำคัญที่ครอบคลุมทั้ง รถยนต์หรูระดับพรีเมียม, รถยนต์มือสองครบวงจร, บริการรถเช่าระยะสั้นและยาว, ฟลีทองค์กร, Total EV Solution, บริการการเงิน และประกันภัย, และแพลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจร ภายใต้ 3 แนวทางหลักได้แก่
- เอ็มจีซี-เอเชีย สามารถปรับทิศทางกลยุทธ์ EV และ Mobility ให้มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์เดียวกัน สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่มีการแข่งขันสูง และมีความคล่องตัวมากขึ้นในการบริหารจัดการ และมีความคล่องตัวสามารถดําเนินงานเชิงกลยุทธ์ได้เต็มรูปแบบ
- สามารถดำเนินการตามบริการของ Neo Mobility ให้สอดคล้องกับธุรกิจหลักของ เอ็มจีซี-เอเชีย อาทิ การขายรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสอง, บริการหลังการขายครบวงจร, บริการฟลีทองค์กร, การเช่ารถ ระยะยาวสั้น/ยาว สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรสำหรับองค์กร พร้อมระบบ Membership หรือ Subscription ซึ่งจะทำให้เกิดการ Synergy อย่างเต็มรูปแบบ และ Margin ที่สูงขึ้นในระยะยาว
- สอดคล้องกับพันธกิจของ เอ็มจีซี-เอเชีย ในการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ผ่านบริการ Subscription ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ EV Platform, Connected Mobility และ Auto Tech Ecosystem เพื่อให้สอดคล้องและรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม เอ็มจีซี-เอเชีย เตรียมเดินหน้าสู่ธุรกิจ Mobility ในยุคใหม่อย่างเต็มตัว ภายหลังจากการถือหุ้นเต็มในครั้งนี้ ด้วยการเสริมการให้บริการ EV Fleet สำหรับภาครัฐและเอกชนที่ต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น สอดคล้องกับรถ EV ที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ในปัจจุบัน พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาแพลตฟอร์ม EV Subscription และ Car-as-a-Service ขณะเดียวกัน เอ็มจีซี-เอเชีย ได้วางแผนลงทุนใน Auto Hub Data Center, AI & Connected Car Infrastructure ต่างๆ และสร้างพันธมิตรใหม่กับ Global EV Tech ให้สอดคล้องกับตลาดรถพรีเมียมและตลาดรถยนต์มือสอง