นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2568 มีจำนวนอยู่ที่ 130,223 คัน เพิ่มขึ้น 11.9% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในอัตรา 314%, การผลิตรถกระบะเพิ่มขึ้น 8.39%
ทั้งนี้ ปริมาณการผลิตรถยนต์นั่งอยู่ที่ 51,019 คัน เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแบ่งตามประเภทของเครื่องยนต์ดังนี้
- รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มีจำนวนอยู่ที่ 27,020 คัน ลดลง 9.61% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งพลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) มีจำนวนอยู่ที่ 3,304 คัน เพิ่มขึ้น 314% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มีจำนวนอยู่ที่ 317 คัน ลดลง 46% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งไฮบริด (HEV) มีจำนวนอยู่ที่ 20,378 คัน เพิ่มขึ้น 73.5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
สำหรับ รถกระบะขนาด 1 ตัน มีปริมาณการผลิตอยู่ที่ 78,492 คัน เพิ่มขึ้น 8.39% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
ขณะที่ ปริมาณการผลิตรถยนต์สะสม 6 เดือน ตั้งแต่ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2568 มีจำนวนอยู่ที่ 724,715 คัน ลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ปริมาณการผลิตรถยนต์นั่งสะสม 6 เดือน มีจำนวนอยู่ที่ 264,668 คัน หรือคิดเป็น 36.52% ของยอดการผลิตทั้งหมด ซึ่งลดลง 6.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแบ่งตามประเภทของเครื่องยนต์ดังนี้
- รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มีจำนวนอยู่ที่ 118,730 คัน ลดลง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งพลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) มีจำนวนอยู่ที่ 23,798 คัน เพิ่มขึ้น 380% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มีจำนวนอยู่ที่ 9,937 คัน เพิ่มขึ้น 211% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งไฮบริด (HEV) มีจำนวนอยู่ที่ 112,203 คัน เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
สำหรับ รถกระบะขนาด 1 ตัน มีปริมาณการผลิตรถยนต์สะสม 6 เดือน ตั้งแต่ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2568 มีจำนวนอยู่ที่ 455,678 คัน หรือคิดเป็น 62.8% ของยอดการผลิตทั้งหมด ซึ่งลดลง 2.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ด้านยอดผลิตเพื่อการส่งออกเดือนมิถุนายน 2568 มีปริมาณการผลิตอยู่ที่ 84,918 คัน หรือคิดเป็น 65.21% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 3.85% เมื่อเทียบกีบเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า และมียอดการผลิตสะสม 6 เดือนเพื่อการส่งออก อยู่ที่ 475,013 คัน หรือคิดเป็น 65.54% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 7.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเดือนมิถุนายน 2568 มีปริมาณการผลิตอยู่ที่ 45,305 คัน หรือคิดเป็น 34.79% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 31.24% เมือ่เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า และมียอดการผลิตสะสม 6 เดือนเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 249,702 คัน หรือคิดเป็น 34.46% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ส.อ.ท. ได้มีการปรับลดเป้าหมายการผลิตเพื่อการส่งออกจากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1 ล้านคัน ลงเหลือ 9.5 แสนคัน จากปัจจัยมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ที่อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าการค้าโลกและภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวลง รวมถึงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลากภูมิภาคของโลก และการยุติการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อปรับไลน์การผลิตสำหรับรุ่นใหม่ เป็นต้น
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จากประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ ส.อ.ท. คาดว่าจะมี ยอดผลิตรถยนต์ รวมอยู่ที่ 1.45 ล้านคัน จากเดิม 1.5 ล้านคัน หรือลดลงราว 3% แบ่งเป็น ยอดผลิตเพื่อการส่งออก 9.5 แสนคัน และ ยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 5 แสนคัน (เท่าเดิม)