นายสุพจน์ สุขพิศาล รองเลขาธิการ สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) เปิดเผยว่า สมาคมฯ เตรียมจัดงาน Future Mobility Thailand 2025 ครั้งแรก ภายใต้แนวคิด “Driving Tomorrow: Innovating for a Sustainable and Connected Future” ซึ่งเป็นเวทีแสดงศักยภาพของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกับพันธมิตรระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันประเทศไทยให้เป็น ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และเทคโนโลยีแห่งอนาคต
สำหรับ งานนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยเป็นงานแสดงสินค้าระดับ B2B ที่รวมเอาผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, ผู้พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า, ผู้ให้บริการด้านซัพพลายเชน, สถาบันวิจัยชั้นนำระดับประเทศ รวมถึงนักลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์จากทั่วโลก มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดและสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน
ทั้งนี้ งานดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยที่พร้อมก้าวไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), ยานยนต์ไฮบริด (HEV, PHEV), ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicles) รวมถึงเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Connected Vehicles) ซึ่งอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยมีความพร้อมสูง เนื่องจากมีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่งและผู้ผลิตไทยมีความสามารถในการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ๆ งานนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการ เปิดตลาดใหม่ เชื่อมโยงกับพันธมิตรระดับโลก และขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต
ปัจจุบันประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และติดอันดับ Top 10 ของโลก ด้วยกำลังการผลิตมากกว่า 1.9 ล้านคันต่อปี โดยภายในปี 2567 ประเทศไทยมีสัดส่วนการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนคิดเป็น 12% ของ GDP และมีมูลค่าการส่งออกกว่า 1.02 ล้านล้านบาท
นายเสวก ประกิจฤทธานนท์ อุปนายกฝ่ายพัฒนาการส่งออก สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) กล่าวว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญของโลก โดยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนมากกว่า 1,800 ราย ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดรับกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต
โดยประเทศไทยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนส่วนยานยนต์กว่า 1,686 ราย ซึ่งแบ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำ (Tier 1) ประมาณ 476 ราย และผู้ผลิตชิ้นส่วนสนับสนุน (Tier 2-3) กว่า 1,210 ราย มีซัพพลายเชนที่ครบวงจรโดยเริ่มจากวัตถุดิบ, การผลิต จนถึงการส่งออก และเป็นฐานการผลิตของค่ายรถยนต์ระดับโลกกว่า 30 แบรนด์
ขณะที่ แนวโน้มตลาด EV และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิ้นส่วนปี 2567 คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ในไทยจะสูงกว่า 100,000 คัน โดยมีผู้ประกอบการจากประเทศจีนเป็นผู้นำตลาดรถ EV และมีหลายค่าย ตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น BYD, NETA, GWM คาดว่าภายในปี 2573 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย และด้วยนโยบาย Japan First จากรัฐบาล ที่จะช่วยผลักดันการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งรถยนต์สันดาป, รถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริด ส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทย และนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ให้ทันสมัยไปพร้อมกัน
งาน Future Mobility Thailand 2025 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 5 เมษายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา