ใครจะเที่ยวทะเลหน้าฝนกัน? คำถามนี้เกิดขึ้นในหัวเมื่อได้รับคำชวนจาก พี่ ๆ น้อง ๆ ในกลุ่มที่มีแพลนเดินทางไป เกาะช้าง จังหวัดตราด และยังมีคำถามซ้ำซ้อนเกิดขึ้นอีกเมื่อได้รู้ว่าการเดินทางในทริปนี้ต้องไปด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จำนวน 2 คัน ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลยล่ะ เพราะไม่ใช่แค่การต้องวางแผนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียวแต่ต้องวางแผนเรื่องจุดชาร์จ รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง สำหรับพาหนะที่ใช้ในการเดินทางทริปนี้คือ
- MG4 Electric Long Range รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งมีระยะทางการวิ่งสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC
- Q8 e-tron 55 quattro Black Edition รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งมีระยะทางการวิ่งสูงสุด 505 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP
ออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ ด้วยแบตเตอรี่มากกว่า 90% ทั้ง 2 คัน วิ่งแบบกินลมชมวิวไปเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งที่ต้องวิ่งเรื่อย ๆ เป็นเพราะ ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วง วันหยุดยาว ปลายเดือนกรกฎาคม รถค่อนข้างเยอะและมีฝนตกลงมาโปรยปรายตลอดทาง ความเร็วที่ใช้ก็ความเร็วมาตรฐานคนปกติใช้ในชีวิตประจำวัน จุดหมายแรกที่เราแวะพักหลังจากออกเดินทางคือไปแวะกินมื้อเที่ยงที่ “ร้านเกี๊ยวปลานายเคี้ยม สาขาหนองกระพ้อ” แถว ๆ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ถ้าใครแวะที่นี่ต้องลองเมนู ข้าวปูแกะ 1 จาน กับ เกี๊ยวน้ำรวม 1 ชาม รับรองอิ่มแน่น ที่สำคัญราคาดีมาก อาหาร 2 อย่าง รวมเครื่องดื่ม 2 ใบแดงต่อคน เอาอยู่
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/uAuHGvRV9mPj756t5
ระหว่างนั่งกินมื้อเที่ยงไปฝนก็เริ่มตกลงมาหนักขึ้นและหนักขึ้น จนกระทั่งต้องเรียกว่าเป็นพายุเลยก็ว่าได้ พวกเราต้องนั่งหลบฝนสักพักกว่าจะเบาลง ก่อนจะออกเดินทางกันต่อไปที่ จุดชาร์จแรก ที่ ปตท. สาขาแสนตุ้ง ถึงจุดนี้มีระยะทางจาก กรุงเทพฯ อยู่ที่ ราว ๆ 280 กม. รถทั้ง 2 คันมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ราว ๆ 30% ซึ่งถ้าจะไปต่อก็สามารถทำได้ แต่เราเลือกที่จะแวะในจุดนี้เพื่อชาร์จไฟฟ้าให้รถสักหน่อย พร้อมนั่งจิบกาแฟรอใช้เวลาราว 50 นาที ในการชาร์จ ได้แบตเตอรี่กลับมาในระดับ 90% อีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ราคาอย่างเป็นทางการ MG4 Standard / Long Range รถไฟฟ้า100% : 709,900 – 889,900 บาท (ประกอบไทย) | แบต 64 kWh 540 km.
ก่อนจะข้ามไป เกาะช้าง จังหวัดตราด เราแวะไปชมวิวถ่ายรูปกันที่ “จุดชมวิวแหลมงอบ” ตรงนี้เป็นพื้นที่สุดแผ่นดินตะวันออก มีประภาคารแหลมงอบ ของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เป็นไฮไลท์ที่ถ้ามีเวลาก่อนนั่งเรือเฟอรี่ข้ามฟากไป เพราะด้วยความสวยงามที่พอจะจินตนาการได้หากฝนไม่ตกนั้นจะสวยงามมาก แบบถ่ายรูปเก๋ ๆ หรือมาชมพระอาทิตย์ตก ก็โรแมนติกดีไม่น้อย เราจึงใช้เป็นที่ถ่ายรูปรถในช็อตแรก โดยเอารถถอยหลังไปจอดหน้าประภาคาร แต่ต้องรอตอนถนนโล่ง ๆ และใช้เวลาเพียงระยะสั้น ๆ ซึ่งเราได้มีการประสานกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด เพื่ออำนวยความสะดวก และประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อไม่ให้รบกวนชาวบ้านผู้ใช้รถใช้ถนนในบริเวณนั้น
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/cJH1w44tMadynaTD8
จากนั้นเราก็จับเรือรอบสุดท้าย 18.30 น. ที่ ท่าเรือเฟอรี่อ่าวธรรมชาติ ขั้นตอนไม่ซับซ้อน ขับรถไปเข้าคิวมีเจ้าหน้าที่นับจำนวนผู้โดยสาร และคิดราคาตามจำนวนคนและรถ ใช้เวลาราว 45 นาที จากฝั่งไปถึง เกาะช้าง ถึงตรงนี้ก็ฟ้ามืดแล้ว ที่พักเราอยู่เกาะช้างเลี้ยวขวาจากท่าเรือ ต้องบอกว่าด้วยสภาพเส้นทางที่เป็นทาง ขึ้น-ลงเขา คดโค้ง เมื่อมีฝนตกลงมาต้องใช้ความระมัดระวังมากหน่อย แต่ด้วยเรื่องพละกำลังในการขึ้นทางชั้นของรถยนต์ไฟฟ้าก็สบายหายห่วง ขับต่อไปพอได้เห็นแสงสีริมถนน ซึ่งต้องบอกว่า เกาะช้าง มีหลายบรรยากาศการท่องเที่ยวสำหรับใครที่ชอบความสงบหรือเชิงธรรมชาติก็มี ใครที่ชอบแสงสีเสียงความบันเทิงก็มี หรือใครเป็นสายกิจกรรมที่นี่ก็มีให้เลือกทำได้หลากหลาย
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/vGLZGhDkNZPF4KV76?g_st=il
เราพักกันที่ Centara Koh Chang Tropicana ซึ่งที่นี่ก็มีที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่เป็นที่ชาร์จแบบปลั๊กบ้านให้เสียบชาร์จโดยมีช่องจอดเฉพาะไว้รองรับ ที่พักแห่งนี้ห้องที่เราพักกันเป็นสไตล์บังกะโลพรีเมี่ยม การออกแบบดีไซน์ไม่ได้ทันสมัยโมเดิร์นอะไรนัก ขนาดห้องใหญ่โตกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบ การให้บริการดีด้วยมาตรฐานการบริการของ Centara ที่สำคัญราคาดี! ถ้าเป็นห้องเริ่มต้นอยู่บนอาคารราคาเริ่มต้นก็ราว ๆ หลักพันต้น ๆ ส่วนห้องแบบที่เราพักก็ราคา ไม่เกิน 2,xxx บาท เริ่มเห็นข้อดีของการเที่ยวทะเลหน้าฝนซึ่งเป็นช่วง Low Season แล้วล่ะ เพราะมันราคาดีไงล่ะ
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/shJ4dT4CYvaj56i17?g_st=il
เช้าวันรุ่งขึ้น ฝนยังคงโปรยปรายไม่ขาดสายซึ่งถ้าหากใครมานอนทิ้งตัวใช้ชีวิตในโรงแรมเน้นพักผ่อนนอนดูทะเลและเสียงฝนลมในบรรยากาศลมเย็น ๆ ก็ทำได้ ซึ่งเราก็ทิ้งตัวไปตลอดครึ่งเช้าของวันดังกล่าว แต่เรามีแพลนที่จะไปดูกิจกรรมใหม่ของ เกาะช้าง นั่นคือ “ล่องเรือโดนัท” ตรงแถว ๆ หาดคลองพร้าว ซึ่งต้องบอกเลยว่า ส่วนตัวเคยมาเที่ยวเกาะช้างก็หลายทียังไม่เคยเจอมุมนี้ของเกาะช้างที่ เหมือนอยู่แถว ๆ บนเขาบนดอยทางภาคเหนือ โดยเราโชคดีที่ตอนไป ล่องเรือโดนัท ฝนหยุดตกช่วงระยะเวลาหนึ่งพอดี ทำให้เราเห็นหมอกและมีบรรยากาศที่ดีลมเย็น ล่องชมธรรมชาติและสามารถเป็นกิจกรรมล่องเรือรับประทานอาหารเย็นชมพระอาทิตย์ตกดินได้อีกด้วย จุดนี้ใครที่มาเกาะช้างไม่ว่าจะช่วงไหนอยากให้มาลอง
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/ogoL4setQRNCXARh8
วันนี้เราปิดท้ายมื้อเย็นที่ร้าน “ภู-ทะเล” (Phu-Talay) ที่มีทั้งอาหารทะเลและอาหารพื้นบ้าน รสชาติดี ไม่ซับซ้อน กินง่าย และมีหลากหลายเมนูให้เลือก ซึ่งช่วงที่เรามามี “เทศกาลกินกุ้งแชบ๊วยเกาะช้าง” พอดี มีส่วนลด 200 บาท/กก. สำหรับเมนู เผา และ อบเกลือ สำหรับร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการได้แก่
- ร้านสงาดคาเฟ่
- บีโคซี่เรส บลูลากูล
- เจอพอดี เรสซิเด้น
- ภูทะเล
- หัวปลาหม้อไฟ
แล้วเราก็สั่งอาหารอื่น ๆ ทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอด ครบหมู่ เอร็ดอร่อย ปิดท้ายวันได้เป็นอย่างดี
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/2uSevDmTcjqgUUNR8
ถึงตรงนี้แบตเตอรี่ในรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 คัน ยังคงเพียงพอต่อการใช้งานเรียกได้ว่าแทบจะยังไม่ต้องชาร์จก็ยังเพียงพอ เลยเกิดคำถามว่า อ้าว! แล้วถ้าไม่พอล่ะจะทำอย่างไร สำหรับใน เกาะช้าง จังหวัดตราด ก็มีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากระจายอยู่หลายจุดทั่วเกาะทั้งที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมันแบบ DC และ AC รวมถึงที่โรงแรมที่พัก รีสอร์ท, ร้านอาหาร ไม่ต่ำกว่า10 จุด ซึ่งความหนาแน่นของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าบนเกาะช้างก็อาจจะยังไม่มากมายแต่ก็ทำให้รู้ว่า ถ้าจะขับรถยนต์ไฟฟ้ามาเที่ยวบนเกาะช้างก็สบายใจหายห่วงเพราะมีที่ชาร์จแน่นอน
วันต่อมา ผู้ร่วมทริปบอกผมว่า เราจะไป “ล่องเรือกอนโดล่า เกาะช้าง” กัน หรือมารู้ในภายหลังเขาเรียกว่า “เรือมาด” ยังทำเอาผมแทบกลั้นขำไม่อยู่เลย เพราะว่า เฮ้ยยย ! สิ่งที่คิดคือเราจะล่องเรือในทะเลสู้คลื่นได้ไง แต่เมื่อไปถึงท่าเรือถึงได้รู้ว่า อ๋ออออ เราล่องอยู่บริเวณคลองสาขาที่มีป่าโกงกางและเชื่อมออกสู่ปากอ่าว ซึ่งบรรยากาศดีมาก ได้หลายอารมณ์และพูดได้คำเดียวว่า สวย! ซึ่งจุดนี้อยู่ทางเกาะช้างเลี้ยวซ้าย บริเวณบ้านสลักคอก เรือลำหนึ่งนั่งได้ 4 คน แต่ถ้าใครไปเป็นคู่แนะนำให้ นั่ง 2 คน คือ สวีท สุด ๆ ไม่รู้จะใช้คำบรรยายใดถึงจะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ครบถ้วนให้ลองดูภาพบรรยากาศตามแล้วกัน
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/gef9uW3YUFzwo3RV7
หลังจาก ล่องเรือมาด เสร็จ ผมอยากแนะนำเลยว่าต้องแวะ! กินข้าวที่ร้าน “บัณฑิต บาร์” เป็นร้านอาหารแนวพื้นบ้านดั้งเดิม คือ คนในชุมชนมาทำอาหารให้กิน โดยสิ่งที่ห้ามพลาดเลยคือ กั้งดองน้ำปลา และ กั้งผัดพริกเกลือ และยังมีเมนูอื่น ๆ ให้ได้ลองอีกมาก ดีทุกเมนู แต่ต้องขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในแต่ละวัน ซึ่งแนะนำให้ลองเช็กกับทางร้านดูก่อนว่าในวันนั้น ๆ มีวัตถุดิบอะไรบ้าง และควรจองโต๊ะด้วย
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/nbV9VRykQ7PbHvA19
ช่วงบ่ายเราแวะไปกินกาแฟที่ร้าน “Altitude 79” ร้านนี้ทีเด็ดอยู่ที่ วิวที่มองเห็นเกาะต่าง ๆ จากร้านที่อยู่บนเขาและมองลงมา เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มอรรถรสของการดื่มกาแฟยามบ่ายคู่กับ Honey Toast แต่ถ้าใครจะมาร้านนี้แนะนำให้ต้องศึกษาเส้นทางดี ๆ เพราะตอนที่เรามากันก็เหมือนจะรู้สึกว่าหลงแต่ก็ไม่ ซึ่งสิ่งที่คอนเฟิร์มได้อย่างหนึ่งคือเส้นทางชวนสับสนแต่คุ้มค่าที่จะมา
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/sMhMd43DW6rEN9Qm9
มาถึงวันสุดท้ายเราออกเดินทางเช้าหน่อยเพื่อที่จะมาถึงท่าเรือเฟอรี่เพื่อที่จะกลับฝั่ง จังหวัดตราด และหลีกหนีการจราจรที่แออัดเพราะเป็นในช่วงวันหยุดยาว โดยเมื่อเราถึงฝั่ง ไม่ไกลจากท่าเรือ เราแวะทำกิจกรรมอีกนิดหน่อยที่ “บ้านธรรมชาติล่าง” ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชน ที่มาแวะจุดนี้มี 3 กิจกรรมที่สามารถทำได้คือ 1.แช่เท้าด้วยสมุนไพร 2.ทำผ้าสามป่า และ 3.กินอาหารเป็นยา
พิกัด Google Map : https://maps.app.goo.gl/NdQZ1vAg65cRnd5V7
การแช่เท้าด้วยสมุนไพร จะช่วยให้ผ่อนคลายลดอาการเมื่อยล้า และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด, ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และอีกหลายคุณสมบัติสำคัญ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่คิดคัวการผสมผสานของสมุนไพรชนิดต่าง ๆ โดยปัจจุบันนี้มีการทำแพ็คเกจจิ้งให้สามารถซื้อกลับมาทำด้วยตัวเองที่บ้านได้หรือซื้อเป็นของฝาก บรรจุภัณฑ์คล้ายกับถุงชาเอากลับมาต้มกับน้ำผสมกับน้ำอุ่นให้อุณหภูมิพอเหมาะไม่ยากอะไร
ส่วนการทำผ้าสามป่าก็คล้าย ๆ กับทำผ้ามัดย้อมนั่นแหละ แต่การที่เป็นผ้าสามป่า คือการใช้ทรัพยากรป่า 3 ป่า ได้แก่ ป่าชุมชน, ป่าชายเลน และ ป่าสมุนไพร โดยใช้เทคนิคพิเศษใช้น้ำทะเลเพื่อเพิ่มสีสันความสดใสของผ้า ซึ่งสามารถแวะทำผ้าลายของตัวเองที่มีตัวเดียวในโลกได้จากการสร้างสรรค์ด้วยฝีมือของตัวเอง หรือ จะเลือกซื้อผ้าดังกล่าวที่ทางวิสาหกิจชุมชนทำไว้จำหน่ายหลากหลายลวดลายและหลากหลายรูปแบบ ทั้ง ผ้าคลุม, กระเป๋า, หมวก, ตุ๊กตาช้าง เป็นต้น
ปิดท้ายที่การทำและการชิมอาหารเป็นยาในเมนู “ลุยสวน ลงเล” ถ้าให้อธิบายอย่างเข้าใจง่ายคือคล้ายเมี่ยงคำ แต่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและพืขสมุนไพรกว่า 20 ชนิด ในการนำมาใส่ไว้เป็นส่วนผสม ซึ่งมีประโยชน์เป็นยาและยังมีรสชาติที่อร่อยอีกด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ส่วนลด 800,000 ! ราคาพิเศษ Audi Q8 e-tron Sportback รถไฟฟ้า100% : 4,299,000 – 4,999,000 บาท | แบต 114 kWh วิ่งไกล 636 km.
ก่อนที่เราจะโบกมือลา จังหวัดตราด ในฤดูฝนที่ทำให้รู้ว่าจังหวัดนี้ไม่ได้มีดีแต่ทะเล แต่ยังมีกิจกรรมให้ทำอีกมากมายซึ่งในช่วง Low Season ก็เที่ยวได้กับราคาที่คุ้มค่า รวมถึง เกาะช้าง และ ตัวจังหวัดตราด ยังรองรับเทรนด์ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่มีสถานีชาร์จไฟฟ้ากระจายอยู่ตามเส้นทางการเดินทางต่าง ๆ ทำให้การเดินทางจาก กรุงเทพฯ มาถึง จังหวัดตราด จนกระทั่งข้ามไปถึง เกาะช้าง ก็สบายใจหายห่วงประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ใครที่กำลังวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ไฟฟ้าในช่วง วันหยุดยาว, วันหยุดเทศกาล ไม่ว่าจะ Low Season หรือ High Season ก็ลองแพลนไปเที่ยวที่ เกาะช้าง จังหวัดตราด ได้สบาย มีกิจกรรมให้ทำ แถมยังของกินอร่อย ๆ และที่ถ่ายรูปใหม่ ๆ มีอัปเดตในจุดต่าง ๆ เพียบ !