นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ ในประเทศไทยเดือน พฤษภาคม 2567 มีจำนวนอยู่ที่ 49,871 คัน ลดลง 23.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 29,679 คัน ลดลง 13.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รถกระบะ 14,832 คัน ลดลง 33.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รถกระบะดัดแปลง (PPV) 2,819 คัน ลดลง 42.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รถบรรทุก 5-10 ตัน 1,280 คัน ลดลง 35.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รถประเภทอื่นๆ 1,261 คัน ลดลง 8.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ สาเหตุมาจากปัจจัยสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวในอัตราต่ำจากการล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การลงทุนของภาครัฐลดลง ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงติดต่อกันมากกว่าสิบเดือน โรงงานหลายแห่งลดเวลาทำงานลงและมีการเลิกจ้างพนักงานหลายหมื่นคน ทำให้ขาดรายได้ ประชาชนจึงระมัดระวังการใช้จ่ายเพราะความไม่แน่นอนในเรื่องรายได้รวมทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทางและพลังงานมีราคาสูงขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ส.อ.ท. เผยตัวเลขยอดขายรถยนต์ไตรมาสแรกปีนี้ลดลง 24.56%
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และปี 2568 ที่่กำลังพิจารณาในสภาฯ แต่เศรษฐกิจจะขยายตัวถึง 3% หรือไม่ ยังน่ากังวลถ้ายอดผลิตรถยนต์และขายรถยนต์ และขายอสังหาริมทรัพย์ยังติดลบ เพราะทั้งสองอุตสาหกรรมมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องและแรงงานมากซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศมาก
ขณะที่ ยอดขายรถยนต์ สะสมตั้งแต่เดือน มกราคม – พฤษภาคม 2567 มีจำนวนอยู่ที่ 260,365 คัน ลดลง 23.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 156,386 คัน ลดลง 7.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รถกระบะ 75,510 คัน ลดลง 40.80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รถกระบะดัดแปลง (PPV) 16,255 คัน ลดลง 42.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รถบรรทุก 5-10 ตัน 6,807 คัน ลดลง 35.33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน, รถประเภทอื่นๆ 5,407 คัน ลดลง 14.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน