สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้เผยแพร่คำสั่งนายทะเบียนที่ 47/2566 เรื่อง ให้ใช้ แบบ ข้อความ และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย ของกรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ใหม่ได้ผ่านการอนุมัติและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ให้เวลาบริษัทประกันดำเนินการออกกรมธรรม์ประกันรถยนต์ไฟฟ้าตามเกณฑ์ใหม่นี้ ภายใน 31 พฤษภาคม 2567
ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2567 เป็นต้นมา ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ต่ออายุกรมธรรม์ จะได้รับผลประโยชน์ความคุ้มครอบตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าตามหลักเกณฑ์ใหม่ โดยสาระสำคัญของเกณฑ์ประกันรถไฟฟ้าฉบับใหม่ที่เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) มีดังนี้
การระบุผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า
ในอดีตการซื้อประกันชั้น 1 รถยนต์ EV จะสามารถเลือกกำหนดผู้ขับขี่ได้สูงสุด 2 คน ซึ่งทางผู้เอาประกันเองก็สามารถเลือกไม่ระบุผู้ขับขี่ได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี เกณฑ์ประกันรถไฟฟ้าใหม่ได้มีการกำหนดให้ ‘ต้องระบุชื่อผู้ขับขี่’ โดยสามารถเลือกระบุได้สูงสุด 5 รายชื่อ
โดยหากผู้เอาประกันนำรถยนต์ไฟฟ้าไปให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ผู้เอาประกันอาจต้องเสีย ‘ค่าเสียหายส่วนแรก’ ในกรณีที่พิสูจน์ว่าเป็นฝ่ายผิด แต่ยังได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์อยู่ แต่หากเป็นฝ่ายถูกจะไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก แม้จะไม่ได้ระบุเป็นชื่อผู้ขับขี่ในกรมธรรม์ก็ตาม
นอกจากนี้ หากต้องการต่อประกันรถยนต์ไฟฟ้าในปีที่ 2 ทางบริษัทประกันจะทำการตรวจสอบระดับพฤติกรรมการขับขี่ส่วนบุคคลของผู้ขับขี่ที่มีชื่ออยู่ในกรมธรรม์ทั้งหมดมาประเมินและพิจารณาค่าเบี้ยประกันในปีต่อ ๆ ไป
โดยหากยิ่งมีประวัติดี ร่วมกับมีพฤติกรรมในการขับขี่ที่อยู่ในเกณฑ์ดีด้วย ผู้เอาประกันก็มีโอกาสได้รับส่วนลดประกันรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยส่วนลดประวัติดีสูงสุดอยู่ที่ 40% และส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่ดีจะอยู่ที่ 40%
ระบบเก็บข้อมูลและตรวจสอบพฤติกรรมผู้ขับขี่
นอกจากเงื่อนไขความคุ้มครองแล้ว เกณฑ์ใหม่ประกันรถยนต์ไฟฟ้ายังระบุถึงระบบเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ขับขี่เพื่อนำมาคำนวณเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน โดยระบบจะเก็บประวัติการขับขี่จากอุบัติเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งหากเป็นผู้ขับขี่รถยนต์น้ำมันที่มีการชน หรือ เกิดอุบัติเหตุกับรถยนต์ไฟฟ้า ก็จะมีการเก็บประวัติในส่วนนี้เป็นรายบุคคลด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ระดับของพฤติกรรมการขับขี่ หรือ ประวัติการขับขี่นี้ ยังขึ้นอยู่กับการเกิดอุบัติเหตุด้วย หมายความว่า หากไม่เกิดอุบัติเหตุเลยก็จะทำให้ระดับพฤติกรรมการขับขี่สูงขึ้น และในทางตรงกันข้าม หากเกิดอุบัติเหตุเมื่อไหร่ ก็จะทำให้ระดับพฤติกรรมถอยกลับไปสู่ระดับเริ่มต้น ซึ่งระดับพฤติกรรมการขับขี่จะพิจารณาจากประวัติของผู้ขับขี่ทั้งหมดที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งจะส่งผลกับส่วนลดของประกันรถยนต์ไฟฟ้าในปีต่อไป
จากกรณีนี้ หมายความว่า หากผู้ขับขี่คนใดคนหนึ่งที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์มีระดับพฤติกรรมไม่ดี เท่ากับว่า กรมธรรม์รถยนต์ไฟฟ้านี้ก็จะไม่ได้รับส่วนลดในปีถัดไป และหากผู้ขับขี่ไม่ได้ระบุชื่อตัวเองเป็นผู้ขับขี่ในการทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ระดับพฤติกรรมการขับขี่กลับไปอยู่ที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เท่ากับว่า หากกลับมาระบุชื่อตัวเองมาอยู่ในกรมธรรม์ประกันรถยนต์ไฟฟ้าอีกรอบ ไม่ว่าจะทำบริษัทประกันภัยเดิมหรือบริษัทประกันภัยใหม่ ก็จะทำให้ไม่ได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกัน เนื่องจากระดับพฤติกรรมการขับขี่ได้กลับไปจุดเริ่มต้นอีกครั้ง
ความคุ้มครองแบตเตอรี่
เกณฑ์ใหม่ประกันรถยนต์ไฟฟ้า ได้มีการระบุให้เพิ่มความคุ้มครองแบตเตอรี่โดยคำนวณค่าเสื่อมของแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งาน โดยในปีแรกจะคุ้มครอง 100% ซึ่งจะกำหนดให้บริษัทประกันคิดค่าเสื่อมของแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งานร่วมด้วยเมื่อมีการพิจารณาให้ความคุ้มครอง รวมถึงการชดใช้สินไหม โดยอัตราการชดเชยค่าสินไหมจะลดลง 10% ต่อปี จนกระทั่งต่ำสุด 50% (ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป)
โดยกรรมสิทธิ์ของซากแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้เป็นของผู้เอาประกันภัยและบริษัทตามสัดส่วนเดียวกับอัตราการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่ กรณีที่มีการตกลงให้มีการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกเปลี่ยนให้บริษัทดำเนินการจำหน่ายและจัดสรรจำนวนเงินที่ได้จากการจำหน่ายดังกล่าวให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามสัดส่วนข้างต้น
ในกรณีที่รถยนต์ไฟฟ้าของผู้เอาประกันภัยได้รับความเสียจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือ ได้รับความเสียหายจนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ บริษัทประกันรถยนต์ไฟฟ้าจะมีการพิจารณาอนุมัติเคลมที่แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด
นอกจากนี้ ผู้เอาประกันก็จะได้สิทธิเป็นเจ้าของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้เมื่อมีการออกค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย
เช่น หากใช้รถยนต์ไฟฟ้าเข้าปีที่ 2 แล้วเกิดอุบัติเหตุ แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความคุ้มครองที่ 90% เท่ากับว่า หากต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าลูกใหม่ ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายอีก 10% ที่เหลือ ซึ่งเมื่อบริษัทประกันภัยนำแบตเตอรี่ไปขายต่อและได้เงินมา ผู้เอาประกันจะได้รับเงิน 10% ที่ออกไปก่อนหน้าด้วยเช่นกัน
ผู้เอาประกันภัยที่รถยนต์ไฟฟ้ามีแบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป จะสามารถซื้อความคุ้มครองการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เพิ่มได้ ทั้งนี้หลังจากบริษัทประกันภัยมีการจ่ายชดใช้ค่าความเสียหายเนื่องจากต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เรียบร้อยแล้ว สำนักงานคปภ. ระบุเงื่อนไขให้ซากแบตเตอรี่ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทประกันภัยแทน
แต่เมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เรียบร้อยแล้ว ผู้เอาประกันภัยมีสิทธิขอปรับทุนประกันใหม่ตามแบตเตอรี่ลูกใหม่ที่เปลี่ยนเข้าไปได้ โดยสามารถติดต่อและสอบถามเรื่องทุนประกันใหม่กับทางบริษัทประกันรถยนต์ไฟฟ้าได้ทันที
อย่างไรก็ดี การพิจารณาความคุ้มครอง การกำหนดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ รวมถึงเงื่อนไขกรรมสิทธิ์ของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า จะเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด
เกณฑ์ความคุ้มครองเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลแบบติดผนัง (Wall Charger)
เกณฑ์ใหม่ ประกันรถยนต์ไฟฟ้า นี้ จะไม่คุ้มครองความเสียหายจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล ที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิตรถยนต์ (Wall Charge) แต่ผู้เอาประกันยังสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า กรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ฉบับใหม่ ยังช่วยเพิ่มความชัดเจนให้การทำประกันมีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการคิดเบี้ยประกัน และขอบเขตความคุ้มครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคุ้มครองแบตเตอรี่ อันเป็นชิ้นส่วนหลักที่มีราคาสูงถึง 70-80% ของมูลค่ารถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าและลดข้อพิพาทลงได้
อย่างไรก็ดี เนื่องจากปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าในไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเติบโตและยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ค่าซ่อมและค่าอะไหล่ทดแทนเมื่อเกิดความเสียหายต่อตัวรถยังสูงกว่ารถยนต์ทั่วไปโดยเฉลี่ย 20-30% ดังนั้น แม้แนวโน้มราคาเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 คงทยอยปรับตัวลดลงได้แต่อาจยังสูงกว่าเบี้ยประกันรถยนต์ทั่วไปในช่วงราคาเดียวกัน
อ้างอิง : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย