บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (Mitsubishi) ประกาศแต่งตั้ง นายสาโรจน์ มะอาจเลิศ ขึ้นดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย ดูแลรับผิดชอบด้านการขายและบริการหลังการขาย พร้อม 2 ผู้บริหารชาวญี่ปุ่นที่จะร่วมสนับสนุนการทำงาน โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567
ทั้งนี้ นายสาโรจน์ ได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานมาอย่างยาวนาน โดยก่อนหน้านี้ ได้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขาย บริการหลังการขาย และการพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย นับตั้งแต่ปี 2564 และในปัจจุบัน ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายงานขายและบริการหลังการขาย เพื่อดูแลรับผิดชอบด้านการขายและบริการหลังการขาย รวมถึงสายงานการตลาด สายงานบริหารประสบการณ์ลูกค้าและนวัตกรรมการบริการ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่อง และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
อีกทั้ง นาย ทะอิจิ นาคาจิมะ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานขายและการตลาด เพื่อดูแลรับผิดชอบในด้านการปฏิบัติการขาย ฝ่ายบริหารการขาย ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่าย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ และฝ่ายการศึกษาและฝึกอบรม ซึ่งครอบคลุมสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย และศูนย์ฝึกอบรมของภูมิภาคอาเซียน โดย นาย นาคาจิมะ ได้เริ่มต้นทำงานกับ Mitsubishi Motors Corporation ในปี 2541 ทางด้านกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ในภูมิภาคยุโรป ก่อนที่จะได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบในหลากหลายตลาดต่างประเทศ ได้แก่ รัสเซีย ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์ ด้วยความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนากลยุทธ์การขาย และการดำเนินการด้านการตลาด
นางสาว ริสึโคะ คาเนะโคะ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารประสบการณ์ลูกค้าและนวัตกรรมการบริการ ด้วยความเชี่ยวชาญในงานบริหารประสบการณ์ลูกค้าและนวัตกรรมการบริการ นางสาว คาเนะโคะ เริ่มต้นทำงานกับ Mitsubishi Motors Corporation ตั้งแต่ปี 2540 และได้สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทางด้านการปรับปรุงพัฒนาการขายในประเทศญี่ปุ่น งานวางแผนการตลาดระหว่างประเทศ และ งานบริหารการสื่อสารกับลูกค้า โดยในปัจจุบัน ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารประสบการณ์ลูกค้าและนวัตกรรมการบริการ เพื่อดูแลรับผิดชอบฝ่ายสื่อสารการตลาด ฝ่ายกลยุทธ์ดิจิทัล ฝ่ายบริหารลูกค้าสัมพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ รวมถึงฝ่ายบริการหลังการขาย ฝ่ายอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่ง และฝ่ายบริการข้อมูลเทคนิค
อย่างไรก็ตาม Mitsubishi Motors Corporation ให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะตลาดที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ การเสริมทัพผู้บริหารในครั้งนี้จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทย รวมถึงระดับภูมิภาคและระดับโลก
ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นหัวใจสำคัญด้านยุทธศาสตร์ทั้งในเชิงธุรกิจและศูนย์กลางการผลิตของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ที่ผ่านมาจึงได้มีการขับเคลื่อนแผนการเติบโตผ่านการลงทุนสำคัญๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การลงทุนในสายการผลิตใหม่สำหรับออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่ประกอบด้วยหุ่นยนต์อัจฉริยะมากกว่า 250 ตัว และการผลิตเครื่องยนต์ใหม่ “ไฮเปอร์พาวเวอร์” ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อรถ ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน ในปี 2566 และ การลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ที่แหลมฉบัง ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในปี 2565
นอกจากนี้ บริษัทได้ลงทุนกว่า 500 ล้านบาท เพื่อพัฒนาสายการผลิตที่โรงงานประกอบรถยนต์ ณ แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า xEV โดยเริ่มจาก เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี และ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ไปพร้อมกับรถยนต์อีโคคาร์ที่ผลิตอยู่เดิม