นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ GWM เปิดเผยว่า สงครามราคาของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนในปัจจุบันเกิดขึ้นเร็วและแรงเกินไป ซึ่งจะส่งผลเสียต่อตลาดรถยนต์ในประเทศไทยในภาพรวม เนื่องจากผู้บริโภคจะมีความคาดหวังและเกิดความเคยชิน รวมทั้งยังเป็นการด้อยค่าผลิตภัณฑ์และด้อยค่าแบรนด์
ทั้งนี้ มองว่าการสร้างแบรนด์ในช่วงต้นควรสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคมากกว่า อาทิ การสร้างความเชื่อมั่นด้านบริการหลังการขาย (After Sale Service) ซึ่งจะส่งผลดีต่อแบรนด์มากกว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สัมภาษณ์พิเศษ ISUZU วันที่ตลาดกระบะหดตัว-คู่แข่งทวงแชมป์-ค่ายจีนบุก
ขณะที่ ภาพรวมตลาดรถยนต์ในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ของปี 2567 ที่ชะลอตัวเนื่องจากเกิดภาวะสูญญากาศตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2567 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ EV 3.0 ที่สิ้นสุดลง กับ มาตรการ EV 3.5 ที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไม่สามารถเคลียร์สต๊อกได้ และอีกส่วนหนึ่งคือภาวะช็อคของตลาดที่รอราคาส่วนลดซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคไม่เกิดการตัดสินใจซื้อ คาดว่าภายใน 2-3 เดือน จะเริ่มทยอยคลี่คลายสถานการณ์ได้
“เราหวังว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนจะมีการพูดคุยกันผ่านสมาคมผู้ประกอบการจีน ซึ่งจะให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจและการรักษาภาพลักษณ์แบรนด์นอกประเทศจีน”
นายณรงค์ กล่าวว่า การเปิดตัวรถกระบะพลังงานทางเลือกอย่าง ไฮบริด ในรุ่น GWM POER ถือเป็นแบรนด์ที่ 4 ภายใต้แบรนด์ GWM และ เป็นรุ่นที่ 10 ของบริษัทเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งการเปิดตัวดังกล่าวบริษัทวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ไว้ในระดับพรีเมี่ยมซึ่งจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์โดยคาดหวังไว้ที่ราวหลักร้อยคัน
สำหรับบริษัทได้มีการศึกษาตลาดรถกระบะในประเทศไทยอย่างดี โดยเรามั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ของเรามีความชัดเจน โดยไม่ได้คาดหวังกับปริมาณยอดขายแต่คาดหวังกับการส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ซึ่งหากมีการตอบรับที่ดีมีโอกาสที่จะขยายรุ่นย่อยในการทำตลาดต่อเนื่อง
“เราเชื่อว่ามีผู้บริโภคบางรายที่สนใจด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะเปลี่ยนใจจากรถกระบะแบรนด์ญี่ปุ่นมาหาเรา”