เปิดแผน 5 ปี เกีย ประเทศไทย ขอมีส่วนแบ่งตลาด 5% ของตลาดรถยนต์นั่งรวม เดินหน้าบุกตลาด EV ,HEV และ PHEV พร้อมขยายดีลเลอร์ครบ 100 แห่งทั่วประเทศ ส่วนปีนี้จ่อเปิดตัว 2 รถไฟฟ้าทั้ง EV9 และ EV5 ขอขึ้นแบรนด์พรีเมี่ยมรถ MPV เมืองไทย
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2567 บริษัทเกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ได้ประกาศแผนการทำตลาดรถยนต์เกียในประเทศไทยหลังจากที่ บริษัทเกีย คอร์ปอเรชั่น แต่งตั้ง บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามารับผิดชอบการทำตลาดรถยนต์เกียในประเทศไทย
นายจุน โอ อี ประธาน บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์รถยนต์เกีย ในไทยว่าเป็นรถยนต์ที่มีมาตรฐานระดับโลก ที่ลูกค้าชาวไทยต้องได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกับลูกค้าทั่วโลกผ่าน ผลิตภัณฑ์รถยนต์เกีย บริการหลังการขายในรูปแบบใหม่
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าปี 2567-2571 โดยให้ชื่อว่ากลยุทธ์ ‘Plan S-5’ ซึ่งประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่ 1) ครองส่วนแบ่ง 5% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 2) เพิ่มการทำตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่
บริษัทจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี EV ,HEV และ PHEV ให้ครอบคลุมในทุกไลน์สินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มรถ MPV และ SUV ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาด 20% ในกลุ่มรถยนต์ MPV และ SUV พรีเมี่ยม
สำหรับเป้าหมายการตลาดในปีนี้ บริษัทจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ 2 รุ่น โดยรุ่นแรกคือ เกีย EV 9 รถในกลุ่ม MPV ขนาดใหญ่ ในวันที่ 1 มีนาคม 2567 (รอบสื่อมวลชน) และ 2 มีนาคม 2567 (รอบบุคคลทั่วไป) สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าชม Kia EV9 ในวันที่ 2 มีนาคม สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่
ด้านรถยนต์ EV อีก 1 รุ่นนั้นจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ อย่างไรก็ตามแหล่งข่าว จากเกีย เซลส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า รถยนต์ EV รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวคือ EV 5 รถในกลุ่ม C-SUV โดยจะนำเข้ามาจากประเทศจีน ขณะที่ราคาจำหน่ายของ EV-9 คาดว่าจะอยู่ในระดับราคาประมาณ 3 ล้านบาท
ส่วนแผนการตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทยนั้น นายจุน โอ อี บอกว่ายังไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ทาง เกีย คอร์ปอเรชั่น รับผิดชอบ
นายฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์
ด้าน นายณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย ได้คาดการณ์ตลาดรถยนต์ในไทยว่าจะกลั
สำหรับ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ขณะนี้มีแทนผู้จำหน่ายและศูนย์บริการ (ดีลเลอร์) ทั้งสิ้น 19 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 26 แห่งในปีนี้ และเพิ่มเป็น 100 แห่งในอีก 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดนโยบายบริการหลังการขายใหม่ ด้วยการเพิ่มการรั