ฮอนด้า ประกาศยอดจำหน่ายสะสมช่วงครึ่งแรกปีนี้ (ม.ค.– มิ.ย.63) ทำได้ 41,326 คัน เป็นเบอร์ 1 ซีวิค ยอดฮิต ครองส่วนแบ่งตลาด 56.7% ตลาดรถยนต๋นั่งขนาดกลาง ส่วร CR-V ยังไม่คลายความร้อนแรง ครองส่วนแบ่งตลาดเกือบครึ่ง ในตลาดรถ SUV ขนาดใหญ่พร้อมบุกออไลน์ทั้งขายและบริการหลังการขาย
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ออโตโมบิล) จำกัด รายงานยอดจำหน่ายสะสมช่วงครึ่งแรกปีนี้ (ม.ค.– มิ.ย.63) ว่ามียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 41,326 คัน หรือคิดเป็น 29.2% สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่ง จากยอดขายรวมรถยนต์นั่ง 141,366 คัน ส่วนการคาดการณ๋ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้ นั้นทางฮอนด้าคาดการณ์ สูงกว่าค่ายรถยนต์ค่ายอื่นๆ โดยระบุว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 680,000 คัน ขณะที่ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย และมาสด้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ประมาณการณ์ยอดขายรถยนต์ในปีนี้ไว้ว่า จะมีประมาณ 630,000 คัน
โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วงครึ่งแรกนั้น แน่นอนว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 -19 ทำให้ประชาชนต้องปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตและการทำงาน ผู้บริโภคไม่กล้าใช้จ่าย และชะลอการตัดสินใจซื้อสินค้า ภาคธุรกิจทั้งประเทศหยุดชะงักรวมทั้งธุรกิจรถยนต์ด้วย โดยยอดขายในครึ่งปีแรก 2563 เหลือเพียง 25,773 คัน หรือลดลง 38.7% เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรวม ที่มียอดขาย 141,366 คัน หรือลดลง 41.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำหรับยอดขายรถยนต์ฮอนด้า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม – มิถุนายน 2563) แบ่งตามเซกเมนต์ ประกอบด้วย
- ฮอนด้า ซิตี้ ยังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มนี้ ด้วยยอดขาย 16,950 คัน หรือคิดเป็น 39.3%
- ฮอนด้า ซีวิค และฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ยังครองความเป็นผู้นำด้วยยอดขาย 8,656 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 56.7%
- ในกลุ่มรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์ขนาดกลาง ฮอนด้า เอชอาร์-วี ครองอันดับ 1 มียอดขายสะสม 3,667 คัน
ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 33% - กลุ่มรถยนต์สปอร์ตเอนกประสงค์ขนาดใหญ่ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ครองอันดับ 1 มียอดขายสะสม 1,978 คัน
ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 43% - ฮอนด้า แอคคอร์ด มียอดขายสะสม 2,270 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 45.3%
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของ ฮอนด้า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้พร้อมกันนี้ จะเน้นกลยุทธ์ด้านดิจิทัลมากขึ้น และยกระดับงานบริการหลังการขายเพื่อเพิ่มความสะดวกและมั่นใจให้กับลูกค้ารองรับไลฟ์สไตล์แบบ New Normal โดยได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใน 3 ด้าน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคใหม่ อันประกอบด้วย
1) ด้านการขายและการตลาด
ฮอนด้า เพิ่มความเข้มข้นด้านการตลาดออนไลน์ โดยใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ (Big Data) และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในหลายด้าน อาทิ
- Online Channel
ฮอนด้าได้ยกระดับรูปแบบการจัดกิจกรรมออนไลน์ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ถูกต้อง แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- New Normal Auto Show
ฮอนด้าได้ปรับรูปแบบการจัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ต่างๆ โดยยึดแนวคิด Less is More คือการปรับลดโครงสร้าง เปิดพื้นที่บูทให้กว้าง เน้นระยะห่างอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าชมรถได้อย่างมั่นใจ และได้มีการแนะนำ Webchat เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารออนไลน์ และพูดคุยระหว่างลูกค้ากับที่ปรึกษาการขายจากโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ทั้งยังมี 360 Experience ให้ลูกค้าที่แม้จะไม่ได้มาเดินชมงานด้วยตัวเอง ก็สามารถรับชมบรรยากาศบูท วิดีโอแนะนำผลิตภัณฑ์โดยฮอนด้าเลดี้ ไปจนถึงการรับข้อเสนอต่างๆ ซึ่งเป็นข้อเสนอเดียวกันกับที่งาน
- Online Training
ปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการฝึกอบรม จากการเรียนในห้องอบรมเป็นการเรียนในรูปแบบออนไลน์ และการสอนผ่านทางไกล (Live Training Class) เพื่อพัฒนาบุคลากรทั้งของฮอนด้า และผู้จำหน่ายให้พร้อมบริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
) ด้านการบริการหลังการขาย
ให้ลูกค้ารู้สึกว่าการดูแลรถยนต์ฮอนด้าเป็นเรื่องง่าย และสามารถเลือกรับบริการได้ในรูปแบบที่ต้องการ โดยได้ปรับกลยุทธ์เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของลูกค้าแบบ New Normal มากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านต่างๆ ดังนี้
- Online Booking ส่งเสริมระบบการจองคิวออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า
- Super Fast Tech เพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- Roadside Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง โดยช่างผู้ชำนาญงานจากศูนย์บริการ
นอกจากนี้ฮอนด้ายังได้ร่วมกับผู้จำหน่ายนำร่องเพื่อนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ตอบรับการใช้ชีวิตแบบ New Normal ได้แก่
- Drop & Go Services สำหรับลูกค้าที่ไม่ต้องการรอรับบริการที่ศูนย์บริการ เพียงนัดหมายและยืนยัน
งานบริการล่วงหน้า เมื่อถึงวันนัดก็สามารถนำรถมาจอดและฝากกุญแจ ณ จุดบริการได้เลย รวมถึงสามารถชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Payment) ได้อีกด้วย - Home Services บริการอำนวยความสะดวกในการดูแลรถยนต์ (บางรายการ) ถึงบ้าน
3) ด้าน Digital Transformation
ฮอนด้าได้เน้นการสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลทุกส่วนงาน มุ่งยกระดับทักษะของพนักงานทางด้านดิจิทัล มีการเชื่อมโยงข้อมูล พร้อมนำไปวิเคราะห์ร่วมกับการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อการพัฒนารูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการ และการสื่อสารทางการตลาด ไปสู่สิ่งที่ลูกค้าคาดหวังได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งนี้ฮอนด้าได้ริเริ่ม Blockchain Innovative Technology (BIT) อีกหนึ่งโปรเจกต์สำคัญ ที่เริ่มต้นขึ้นเพื่อรองรับ Big Data และการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจัดตั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่ขึ้นมา เพื่อทดลองการทำงานแบบไร้รอยต่อในแต่ละเจเนอเรชัน ในช่วงแรกจะเริ่มใช้กับกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ (CSR) เพื่อกระตุ้นให้พนักงานทำกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยการบันทึกการทำความดีผ่าน Time Banking ซึ่งโมเดลดังกล่าวจะนำไปประยุกต์ใช้กับงานในส่วนอื่นๆ ของฮอนด้าต่อไปในอนาคต
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 สถานการณ์โควิดในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย ทิศทางตลาดของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าในช่วงต้นปีแรก แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดยังมีความอ่อนไหวหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดซึ่งอาจทำให้ประชาชนกลับมาระมัดระวังการใช้ชีวิตและการใช้เงินอีกครั้ง ฮอนด้าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินงานในหลายด้านเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในยุคใหม่ และยังคงมาตรการ Social Distancing ในโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมถึงทุกพื้นที่ในการดำเนินธุรกิจอย่างเข้มงวดต่อไป ฮอนด้าคาดว่าตลาดรถยนต์รวมในปี 2563 จะมียอดขายรวม 680,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 32% โดยเป็นรถยนต์ นั่งส่วนบุคคล 304,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 35%