ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียที่ประเทศไทยสำหรับการเปิดตัว Volvo ES90 รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในกลุ่ม 4 ประตู (ซีดาน) ถือเป็นการเติมเต็มไลน์อัพโมเดลที่บริษัทไม่ได้เปิดตัวรุ่นใหม่มาสักระยะนับตั้งแต่รุ่น S90 ซึ่งในตลาดกลุ่มนี้ในตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมถือว่ามีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่ แต่ด้วยความมีเอกลักษณ์ของ ES90 ที่เป็น Fastback และมีความสูงจากพื้นถึงตัวรถที่เทียบเท่าได้กับรถยนต์อเนกประสงค์จึงเป็นโอกาสของบริษัทในการทำตลาดและมีจุดเด่น
“คริส เวลส์” กรรมการผู้จัดการ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และมาเลเซีย ให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัว Volvo ES90 ว่า แม้ว่า วอลโว่ จะขยับเป้าหมายการเป็นบริษัทที่จะจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ออกไปจากแผนเดิม และเริ่มกลับมาจำหน่ายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย แต่ปัจจุบันในประเทศไทยมีสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อยู่ที่ 80% ของยอดจำหน่ายรวม และ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอยู่ที่ 20% ของยอดจำหน่ายรวม เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศไทยให้การตอบรับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างดี แต่ถ้าหากเมื่อเทียบกับมาเลเซียกลับมีทิศทางที่สวนทางกัน
“เป้าหมายของบริษัทเราไม่ได้เปลี่ยนไปที่จะจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในอนาคต แต่พฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกยังคงมีความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งบริษัทจะมีผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการผู้บริโภคจากว่าจะเปลี่ยนแปลง”
ขณะที่ ในปี 2569 ที่อัตราโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ อาจจะมีผลกระทบในทางลบกับทางบริษัท แต่บริษัทอยู่ระหว่างรอให้มีการออกประกาศอย่างเป็นทางการโดยในวันนี้อาจจะเร็วไปที่จะระบุว่าจะต้องปรับขึ้นราคาหรือไม่ ซึ่งบริษัทจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบด้านและมีแนวทางในการบริหารจัดการหลายด้านเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
คริส กล่าวว่า มุมมองของ วอลโว่ มีหลายอย่างที่จะต้องคำนึงในประเด็นดังกล่าว ซึ่งหากจะบวกอัตราภาษีไปถึงผู้บริโภคโดยตรงอาจจะไม่ยุติธรรมเท่าไรนัก จึงต้องบริหารจัดการอย่างเข้มงวดหลายปัจจัยทั้ง อัตราค่าเงินบาท, การจัดการราคาต้นทุน, ความสามารถทางการแข่งขัน รวมถึงการทำงานกับบริษัทแม่อย่างใกล้ชิด
นอกจากนั้น แผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในปี 2569 คาดว่าจะมีอีก 1-2 รุ่น ขณะที่ รถตู้อเนกประสงค์ (MPV) ในรุ่น EM90 ที่เคยมีแผนที่จะนำมาจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้ไม่มีอยู่ในแผนดังกล่าวแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : วอลโว่ กางแผนธุรกิจปี’68 เล็งเปิดตัวรถไฟฟ้า 2 รุ่นใหม่ ดันยอดโต 5%
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตัดสินใจเลื่อนการดำเนินงานในโรงงานซ่อมแบตเตอรี่ในประเทศไทยออกไปก่อนเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยและบริษัทได้โยกงบประมาณในส่วนการดำเนินงานไปใช้ในส่วนด้านการตลาดและการขาย โดยการลงทุนโรงงานดังกล่าวสถานะปัจจุบันสถานที่และเครื่องจักรมีความพร้อมแล้วแต่เลื่อนการดำเนินการออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน
สำหรับ ไตรมาสสุดท้ายของปี 2569 สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกหรือลบ เนื่องจากตลาดต้องเผชิญกับความเข้มงวดของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) มาโดยตลอด ซึ่งอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมจากเดิมที่ไม่มากแต่ช่วงหลังที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวสะท้อนเศรษฐกิจโดยรวม โดยบริษัทจะพยายามรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดให้อยู่ในระดับที่ควรจะเป็น เพื่อรอความชัดเจนของรัฐบาลใหม่และความเชื่อมั่นของประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองคาดว่ากว่าจะเห็นผลก็คงจะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2569