นายคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และ ประเทศมาเลเชีย (Volvo) กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ของบริษัทปี 2567 เติบโตขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 80% ของยอดขายรวม หรือเติบโตกว่า 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ สถานการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์รวมและตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2568 ยังไม่มีปัจจัยที่ส่งผลดีต่อตลาดที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2567 โดย วอลโว่ ตั้งเป้ายอดขายในปี 2568 เติบโต 5% เมื่อเทียบกับปี 2567 ซึ่งมีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่มากกว่า 2 รุ่น ซึ่งแบ่งเป็น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ 2 รุ่น ในปีนี้ รวมถึงรถในกลุ่ม PHEV และอื่น ๆ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : วอลโว่ ปรับแผนขายอีวีล้วนทุกรุ่นในไทยออกไป ยืดขาย PHEV ต่ออีก 2 ปี
สำหรับ นโยบายการขายรถยนต์พลังงานปลั๊กอินไฮบริดที่ขยายระยะเวลาออกไปจากเดิมที่มีแผนจะจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% เพียงอย่างเดียว ทำให้โอกาสของรถยนต์ในกลุ่ม PHEV จะยังคงขยายระยะเวลาการจำหน่ายออกไปรองรับความต้องการของตลาด
“บริษัทพร้อมปรับตัวตามสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนไป ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกในอนาคต ดังนั้นในระยะเวลาอันสั้นเราจะต้องบาลานซ์ระหว่างพลังงาน ปลั๊กอินไฮบริด และ พลังงานไฟฟ้า 100%”
ขณะที่ ในช่วงไตรมาส 1/2568 บริษัทวางแผนการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าขนาด 7 ที่นั่ง ในรุ่น วอลโว่ EX90 รวมถึงมีแผนการเปิดตัวรถยนต์ วอลโว่ EX 30 Cross Country และ วอลโว่ ES 90 ในปีนี้
นอกจากนี้ ในปี 2568 บริษัทมีแผนการเปิดตัวศูนย์จำหน่ายและบริการใหม่ (โชว์รูม) 2 แห่ง ได้แก่ วอลโว่ พัฒนาการ และ วอลโว่ พิษณุโลก รวมถึง ยังมีแผนการเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre (VCDR) แห่งใหม่ พร้อมวางแผนการขยายบริการ Volvo Mobile Service ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังได้วางแผนจัดตั้งศูนย์ซ่อมและรีไซเคิลแบตเตอรี่ ร่วมถึงเปิดบริการ SMART Repair Service ซึ่งเป็นการบริการซ่อมความเสียหายขนาดเล็ก และขนาดกลาง ที่เกิดขึ้นกับตัวรถด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยของ วอลโว่ แทนที่การเปลี่ยนอุปกรณ์ยกชิ้น ซึ่งการซ่อมดังกล่าวใช้เวลาไม่นาน และมีราคาประหยัด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการใช้รถ เพิ่มมูลค่าในการเป็นเจ้าของซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ต้องการนำเสนอให้แก่ผู้เป็นเจ้าของรถวอลโว่ทุกคน
อย่างไรก็ตาม การได้รับมอบหมายให้ไปรับหน้าที่ในการดูแลตลาด มาเลเซีย เพิ่มเติมจากการดูแลตลาดในประเทศไทยนั้น ทำให้เห็นถึงศักยภาพของบุคลากรที่มีความสามารถและความถนัดที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ แต่โฟกัสของ วอลโว่ ยังอยู่ที่ประเทศไทยเป็นหลักทั้งในแง่การจำหน่ายและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์