เหมือนว่าการแข่งขันด้วยส่งครามราคาที่รุนแรงและไม่มีท่าทีที่จะสิ้นสุดลงง่าย ๆ ของเหล่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน ที่ส่งปล่อยขีปนาวุธถล่มคู่แข่งราวกับว่าจะต้องมีผู้ล้มหายตายจากสูญสิ้นในสงครามนี้ ความเสียหายที่ขยายวงกว้างลงมาสู่น่านน้ำทะเลจีนใต้ส่งผลให้รุนแรงกระทบชายฝั่งแถว ๆ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม อย่าง วินฟาสต์ (VinFast) ที่ยังไม่มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ลงสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการเลยสักรุ่น จะมีก็เพียงแต่การส่งสัญญาณความเคลื่อนไหวผ่านการเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการในประเทศไทยและการส่งข่าวและบทความประชาสัมพันธ์ผ่านมาทางสื่อมวลชน
แม้จะมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (Letter of Intent-LOI) กับผู้แทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) จำนวน 15 ราย ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 โดย VinFast และ ดีลเลอร์ จะร่วมมือกันเปิดโชว์รูม 22 แห่ง โดยเน้นพื้นที่บนถนนสายหลักในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลที่เป็นจุดโฟกัสในกลยุทธ์การเติบโตในตลาดประเทศไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : รู้จัก ‘VinFast’ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเวียดนามก่อนบุกตลาดในไทย
แต่จากข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้จากแหล่งข่าวในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ เปิดเผยกับ Autolifethailand ได้ระบุว่าจำนวนดังกล่าวของดีลเลอร์ 15 รายนั้น ไม่ได้มีจำนวนเท่าเดิมกับวันที่มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือนั้นแล้ว แว่วมาว่าจำนวนล่าสุดที่เหลือคือ 5 ราย สอดคล้องกับข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของ “ดีลเลอร์แบรนด์ญี่ปุ่น” ที่ผันตัวไปทำธุรกิจ “ดีลเลอร์แบรนด์จีน” ไม่ได้สวยหรูดั่งความคาดหวัง น่าจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เชื่อได้ว่าในสถานการณ์นี้ยิ่งจะไปลองไปทำ “ดีลเลอร์แบรนด์เวียดนาม” ก็อาจจะไม่อยู่ในภาวะเสี่ยงให้ได้ลองขนาดนั้น ยังไม่นับรวมกับกำลังซื้อผู้บริโภคหดตัว, สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว, ความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ (ไฟแนนซ์) รวมถึง สถานการณ์สงครามราคา
ส่วนที่่พอจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างอีกอย่างนึงก็คือ การไปออก อีเว้นท์ (Event) ที่ วินฟาสต์ เองเรียกว่าเป็นกลยุทธ์แบบกลยุทธ์ Celebrity Marketing ในงาน Fan Meeting ซึ่งได้แต่งตั้ง คิม ยูจอง นักแสดงสาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้ เป็นแอมบาสซาเดอร์ของรถยนต์ VF 5 ครานั้นก็น่าจะเป็น การลองเปิดน่านน้ำในการทำการตลาดแบบใหม่ที่ตั้งใจจะแนะนำ แบรนด์เวียดนาม สู่กลุ่มคนที่รักและชื่นชอบศิลปินเกาหลีที่อยู่ในประเทศไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดแผนธุรกิจ วินฟาสต์ ปักหมุดประเทศไทย ตั้งเป้าขาย 4 รุ่นในปีนี้
ส่วนที่น่าสนใจคือความพยายามในการแนะนำรูปแบบการขายใหม่ ๆ อย่างการขายราคารถแบบไม่รวมราคาแบตเตอรี่ และคิดโมเดลให้เช่าแบตเตอรี่รายเดือน แต่ก็ไม่เป็นผลต้านทานกระแสชาวเน็ตประเทศไทยไม่ไหว ต้องประกาศว่าเป็นแต่แนวความคิดในการลองนำเสนอว่าจะมีผลตอบรับอย่างไร และสุดท้ายก็ไม่ได้ประกาศยกเลิกแบบ งง ๆ ว่าจะไม่นำรูปแบบการขายนั้นมาสู่ตลาดประเทศไทย
ล่าสุดได้มีการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรอีกครั้งด้วยการว่างเว้นของตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท วินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เดิมทีคือ Ms. Vu Dang Yen Hang (ฮานา วู) ที่เข้ามาเป็นผู้บริหารคนแรกในตำแหน่งนี้ และขณะนี้ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งใครเข้ามาเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว
ขณะเดียวกัน VinFast ได้มีการส่งบทความในการแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามราคาในประเทศไทย โดยระบุเนื้อหาดังนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : วินฟาสต์ หวังอยู่ยาว! ชูนโยบายรับประกันแบตฯ 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
การเชือดเฉือนด้วยราคา ประโยชน์ของผู้บริโภค หรือเนื้อร้ายของแวดวงธุรกิจ?
สงครามราคาแม้จะดูเหมือนเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคที่สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่ต่ำกว่า แต่มักจะปกปิดความสูญเสียบางอย่างไว้ซึ่งจะส่งผลทางลบต่อผู้บริโภคในระยะยาว แม้ว่าผลิตภัณฑ์ลดราคามักมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้ซื้อได้เสมอ แต่หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมักจะพบว่าผลประโยชน์ที่ได้รับในระยะสั้นจะตามมาด้วยผลเสียในระยะยาวสำหรับผู้บริโภค
การที่ผู้ผลิตพยายามลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดลูกค้า ส่งผลให้อัตรากำไรลดลง จึงจำเป็นต้องตัดต้นทุนบางอย่างเพื่อความอยู่รอด คุณภาพสินค้าอาจน้อยลง มาตรฐานการบริการลูกค้าอาจด้อยลง และมาตรฐานความปลอดภัยบางอย่างอาจถูกมองข้าม ผลิตภัณฑ์ที่เคยน่าดึงดูดใจเนื่องจากราคาเข้าถึงได้ง่ายอาจกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการเพราะคุณค่าลดน้อยถอยลง
เมื่อผู้ผลิตต้องห้ำหั่นกันด้วยการกดราคาสินค้าให้ได้ต่ำที่สุด นวัตกรรมจะกลายเป็นส่วนเกิน งบประมาณการวิจัยและพัฒนาซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาทางเทคโนโลยีจะถูกตัดออกเพื่อผลประโยชน์ในระยะสั้นด้านราคา ผลที่ตามมาคือ ผลิตภัณฑ์ ที่ขาดความล้ำหน้า และทางเลือกอันจำกัด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : วินฟาสต์ เตรียมขายรถอีวีแบบไม่ติดตั้งแบตเตอรี่เพื่อลดค่าใช้จ่ายก้อนแรก
ภายใต้ภาวะสงครามราคา ภาพรวมของอุตสาหกรรมอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน ผู้เล่นที่อ่อนแอกว่าอาจไม่สามารถไปต่อได้ ส่งผลให้อัตราการแข่งขันลดลง และในระยะยาวสินค้าอาจกลับมีราคาสูงขึ้นไปอีก และตลาดก็อาจจะหดตัวลง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือก และอำนาจต่อรองน้อยลง
สิ่งสำคัญคือ ผู้บริโภคต้องเข้าใจว่าราคาต่ำสุดไม่ได้หมายถึงคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุดเสมอไป สำหรับ วินฟาสต์ การมุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมั่นและการนำเสนอบริการที่มีมูลค่าเพิ่มคือทางรอดของธุรกิจในอนาคต
วินฟาสต์ ต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า ราคาเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในสมการแห่งความพึงพอใจของผู้บริโภคอันซับซ้อน ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การมัดใจลูกค้า การมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคล และมาตรฐานคุณภาพที่เหนือกว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : VinFast VF5 รถไฟฟ้า100% เปิดตัวในไทย 22 กรกฎาคม นี้ ! คาดเริ่ม 5 แสน + – รวมแบตเตอรี่แล้ว คู่แข่ง NETA V II
แข่งขันด้วยมูลค่าเพิ่มคือวิถีของวินฟาสต์
นอกเหนือจากการพัฒนารถยนต์ที่มีรูปลักษณ์สวยงามและอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ วินฟาสต์ยังมุ่งมั่นกับการมอบบริการหลังการขายที่เป็นเลิศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมาก ด้วยการรับประกันระบบส่งกำลังเป็นเวลา 7 -10 ปี / 160,000 – 200,000 กม. และการรับประกันแบตเตอรี่เป็นเวลา 8 – 10 ปี เพื่อความอุ่นใจของผู้ใช้รถในระยะยาว
ขณะนี้ วินฟาสต์กำลังสร้างเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายที่ครอบคลุมในประเทศไทย โดยวางแผนเปิดโชว์รูมประมาณ 30 แห่งภายในปี 2567 นี้ เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากนั้นจะขยายไปทั่วประเทศ นอกจากนั้น ยังมีบริการจัดส่งอะไหล่ด่วน โดยจัดส่งในกรุงเทพฯ ภายใน 24 ชั่วโมง และจัดส่งในพื้นที่อื่น ๆ ภายใน 3 วัน
จากข้อมูลดังกล่าวที่ Autolifethailand ได้รวบรวมมานำเสนอและการส่งสัญญาณหลายอย่างของ VinFast คงจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าแบรนด์ดังกล่าวนี้จะเริ่มต้นอย่างไร ทั้งการแนะนำผลิตภัณฑ์ ทั้งการวางตำแหน่งสินค้าและการตั้งราคาจำหน่าย รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นแบรนด์สู่ผู้บริโภค ซึ่งต้องยอมรับว่าอยู่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยขวางหนามที่ทิ่มแทงตลาดรถยนต์ในเวลานี้ทุกด้านจริง ๆ
