นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (Toyota) เปิดเผยว่า นโยบายที่รัฐบาลในการค้ำประกันสินเชื่อรถกระบะ ในมาตรการ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ของ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กำหนดวงเงินค้ำประกันในระยะแรก 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งที่ หอการค้าญี่ปุ่น–กรุงเทพฯ (JCC) นำเสนอต่อภาครัฐ โดยบริษัทมองว่าเป็นนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยได้ เนื่องจากรถกระบะใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทยกว่า 90-95% มีระบบซัพลลายเชนจ์ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานเป็นจำนวนมากซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดรายละเอียดมาตรการค้ำประกัน สินเชื่อรถกระบะ วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวถือว่าช่วยให้ยอดขายรถกระบะเพิ่มขึ้นได้ 15-20% จากที่ผ่านมาอัตราการปฏิเสธสินเชื่อรถกระบะมีอัตราอยู่ที่ 30-40% ของตลาดรถกระบะที่อยู่ที่ 1.2 หมื่นคัน/เดือน ซึ่งถือได้ว่ากระตุ้นได้เยอะพอสมควร
สำหรับ มาตรการดังกล่าวเป็นทิศทางบวกเนื่องจากรถกระบะในกลุ่ม SMEs ถือเป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งผู้ประกอบการที่ต้องการซื้อหลายรายมีงานรออยู่จึงต้องการซื้อรถ และที่ผ่านมาไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้จึงอาจสูญเสียรายได้จากงานที่ไม่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น โครงการรถเก่าแลกใหม่ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการศึกษา ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ดีในการช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และเป็นการช่วยกระตุ้นความต้องการของตลาดรถใหม่ได้ ซึ่งถือว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยมีสัดส่วน 10% ของ GDP โดยปัจจุบันนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความคุ้มค่าอยู่
“โครงการรถเก่าแลกรถใหม่ ผู้บริโภคที่นำรถมาแลกจะซื้อรถอะไรก็ได้ เทคโนโลยีอะไรก็ได้ แต่อยากให้เป็นรถที่ประกอบในประเทศ เนื่องจากจจะได้กระตุ้นเศรษฐกิจไทย”
อย่างไรก็ตามมองว่าโครงการรถเก่าแลกรถใหม่มีความแตกต่างจากนโยบายรถคันแรกเนื่องจากเป็นการหักมูลหนี้ตั้งแต่ต้นต่างจากรถคันแรกที่ซื้อรถไปก่อนและเคลมเงินคืนภายหลังซึ่งอาจจะมีช่องโหว่มีการนำเงินไปใช้อย่างอื่นไม่ตรงจุด
ขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยที่แม้อาจจะไม่มีผลกับอะตราดอกเบี้ยรถยนต์เท่าไรนักแต่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมและกำลังซื้อผู้บริโภคให้ผ่อนคลายภาระหนี้ลงได้บ้าง
นายศุภกร กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยผ่านไป 2 เดือนแรกมีอัตราลดลงในระดับ 10% ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราลดลงเยอะกว่าปีนี้ โดยยังมองว่าปี 2568 ภาพรวมตลาดรถยนต์จะอยู่ในระดับ 6 แสนคันเหมือนที่คาดการณ์ไว้ และ Toyota จะมียอดขายอยู่ที่ 2.3 แสนคัน หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาด 38%