นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด หรือ Toyota เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายของตลาดรถยนต์ในประเทศไทยปี 2567 ลงเหลือ 7.3 แสนคัน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 7.8-8 แสนคัน หรือลดลงราว 7-9%
ทั้งนี้ โตโยต้า ได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายของบริษัทในปี 2567 ลดลงเหลือ 2.5 แสนคัน จากต้นปีที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 2.77 แสนคัน แต่ยังคาดหวังว่าจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ที่ 34% ของตลาดรวมรถยนต์ในประเทศไทย
สำหรับ สาเหตุสำคัญมาจาก ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 ซึ่งในช่วงไตรมาส 4/2566 เศรษฐกิจไม่ค่อยดีและทำให้ตลาดรถยนต์ในปีที่ผ่านมาไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถกระบะที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) มีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อ รวมถึงอัตราหนี้ครัวเรือนสูง ส่งผลให้ยอดขายรถกระบะในปี 2566 ลดลงกว่า 30%
“แม้ว่าปีนี้ Toyota จะมองว่ายอดขายของตลาดรถยนต์จะดีกว่าปีก่อน แต่จากปัจจัยข้างต้นของไตรมาสสุดท้ายปีก่อน ส่งผลต่อเนื่องจึงทำให้ต้องปรับลดคาดการณ์ลงเหลือ 7.3 แสนคัน”
ขณะที่ การมีผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่สัญชาติจีนเข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมากแต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้ตลาดเติบโตขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งมองว่าในช่วงไตรมาส 2-3/2567 อาจจะเริ่มมองเห็นปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ชัดเจน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ยอดจองรถยนต์ 3 วันแรก Motor Show 2024 รวม 4,126 คัน Top 5 : Toyota / Ford / MG / Mitsubishi / Honda
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากการที่ผู้ผลิตรถยนต์ใช้โปรโมชั่นส่งเสริมการขายอย่างมากในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 หรือ มอเตอร์โชว์ 2024 (Motor Show 2024) ก็อาจจะเป็นส่วนช่วยกระตุ้นตลาดได้อยู่บ้าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนใช้ ‘สงครามราคา’ จะส่งผลกระทบต่อ โตโยต้า หรือไม่ และจะมีแผนการรับมืออย่างไร นายยามาชิตะ กล่าวว่า การใช้สงครามราคาที่รุนแรงเกินไปอาจจะส่งผลต่อต้นทุนโดยรวมของรถยนต์ และสิ่งสำคัญคือความรู้สึกของลูกค้าที่ซื้อรถรุ่นเดียวกันไปก่อนลดราคา ดังนั้นต้องพิจารณาอย่างแท้จริง ว่ามีข้อดีมากว่าข้อเสียจริงหรือไม่
“เราเองให้ความสำคัญตลอดห่วงโซ่อุปทาน ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อรถไปเมื่อไรหรือกำลังจะซื้อ เราอยากให้ลูกค้ามีความสุขมีรอยยิ้ม”
อย่างไรก็ตาม ปี 2567 เราจะใช้กลยุทธ์การจัดรายการส่งเสริมการขาย (แคมเปญ) เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนระยะ กลาง–ยาว จะเป็นอย่างไรค่อยมีการพิจารณาอีกครั้ง