นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ ในประเทศไทยเดือนมิถุนายน 2568 มียอดขายอยู่ที่ 50,079 คัน เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เพราะฐานต่ำของปีที่แล้วจากยอดขายที่ลดลงตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา โดยการเพิ่มขึ้นมาจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและรถกระบะดัดแปลง (PPV) เพิ่มขึ้นจากการออกรุ่นใหม่ของบางบริษัท แต่รถกระบะยังคงขายลดลงจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศยังคงอ่อนแอจากการลงทุนภาคเอกชนไตรมาสหนึ่งของปี 2568 ลดลง 0.9% จากไตรมาส 1/2567 ส่งผลให้แรงงาน โดยภาคการผลิตลดลง 0.4% สาขาก่อสร้างลดลง 5.1% อำนาจซื้อของประชาชนจึงอ่อนแอ
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ เดือนมิถุนายน แบ่งเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 32,252 คัน หรือคิดเป็น 64% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยแบ่งตามประเภทของเครื่องยนต์ดังนี้
- รถยนต์นั่งเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) มีจำนวนอยู่ที่ 12,242 คัน หรือคิดเป็น 24.45% ของยอดขายทั้งหมด ลดลง 3.36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งพลังงานไฟฟ้า 100% (BEV) มีจำนวนอยู่ที่ 9,263 คัน หรือคิดเป็น 18.50% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 72.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มีจำนวนอยู่ที่ 557 คัน หรือคิดเป็น 1.11% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 150.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- รถยนต์นั่งไฮบริด (HEV) มีจำนวนอยู่ที่ 10,190 คัน หรือคิดเป็น 20.35% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 3.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ปัจจัยภาษีสหรัฐกระทบส่งออก ส.อ.ท. ปรับลดเป้า ยอดผลิตรถยนต์ ปี’68
สำหรับ ยอดขายรถกระบะมีจำนวนอยู่ที่ 11,153 คัน ลดลง 20.74% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วน รถกระบะไฟฟ้า 100% (BEV) มีจำนวน 110 คัน โดยในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย, รถกระบะ REEV มีจำนวน 6 คัน โดยในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย และ รถ PPV มีจำนวน 4,032 คัน เพิ่มขึ้น 55.02% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า เพราะมีบางบริษัทแนะนำรถ PPV รุ่นใหม่สู่ตลาด
อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ สะสม 6 เดือน (มกราคม–มิถุนายน) ของปี 2568 มีจำนวนอยู่ที่ 302,694 คัน ลดลง 1.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แบ่งเป็น
รถยนต์นั่ง จำนวน 193,683 คัน หรือคิดเป็น 63.99% ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้น 4.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และ รถกระบะ จำนวน 73,620 คัน ลดลง 17.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า