สถานการณ์ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ทั่วโลกในปีนี้นับเป็นความท้าทายจากเศรษฐกิจและการเมืองในหลายประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์เหล่านั้นจะเป็นความท้าทายแต่ โรยัล เอ็นฟีลด์ (Royal Enfield) ยังคงคาดการณ์ยอดขายในปีงบประมาน 2024 (มีนาคม 2567 – เมษายน 2568) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีอัตราเติบโตที่ 13% และ ในประเทศไทย 8% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า
“ยาดวินเดอร์ ซิงห์ กูเลเรีย” ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ โรยัล เอ็นฟีลด์ เปิดเผยกับ Autolifethailand ว่า ปัจจัยความท้าทายหลักที่ประเทศไทยต้องเผชิญในปี 2024-2025 นี้ คือ สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน และปัญหาเศรษฐกิจรวมถึงกำลังซื้อภายในประเทศ อีกทั้งการสถานการณ์การอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) ที่เข้มงวด
แม้ว่าจะมีปัจจัยความท้าทายหลากหลายแต่บริษัทยังเชื่อว่า Royal Enfield ในประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตที่ 8% เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า ในขณะที่ตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดกลาง (250-750 ซีซี.) จะไม่เติบโตขณะที่ด้านปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยวมีสัญญาณแนวโน้มที่ดีขึ้นซึ่งมีส่วนช่วยให้ตลาดทรงตัวได้อยู่
สำหรับ การแข่งขันในตลาดประเทศไทยต้องยอมรับว่า โรยัล เอ็นฟีลด์ ต้องแข่งขันกับแบรนด์รถจักรยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่มีความแข็งแกร่งในตลาดมาอย่างยาวนาน โดยบริษัทมุ่งเน้นในการนำเสนอความแตกต่างและความเป็นตำนานของแบรนด์ที่สะท้อนผ่านผลิตภัณฑ์ออกมา
ขณะที่ ในปีนี้บริษัทมีแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในรุ่น Royal Enfield Classic 650 Twin เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยจะมีการเปิดราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
ด้านแผนธุรกิจเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในปีนี้ บริษัทเพิ่มความสำคัญในการทำการตลาดมากขึ้นโดยจะมีการแนะนำคอลเลกชั่นใหม่เพื่อให้ผู็ขับขี่ได้เลือกซื้อภายในโชว์รูม พร้อมทั้งมีแผนการร่วมมือกับพันธมิตรในการสร้างคอลเลกชั่นใหม่ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม โรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ของบริษัทในประเทศไทยที่เปิดตัวไปในช่วงปลายปี 2567 ได้มีการเริ่มประกอบเป็นที่เรียบร้อยและภายในปี 2569 จะเริ่มส่งออกรถจักรยานยนต์ไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นครั้งแรก
“ตลาดในประเทศไทยถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ จึงมีการตั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์ ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยจะสามารถเปิดตัวรถจักรยานยนต์ได้รวดเร็วกว่าประเทศอื่นนอกอินเดีย”
พร้อมกันนี้ Royal Enfield ได้ประกาศแต่งตั้ง มาโนจ กาจาร์ลาวาร์ (Manoj Gajarlawar) เข้าดำรงตำแหน่ง หัวหน้าธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Business Head, Asia Pacific) โดยเข้าประจำการที่บริษัทสาขาในกรุงเทพฯ ประเทศไทย และรายงานตรงต่อคุณยาดวินเดอร์ ซิงห์ กูเลเรีย ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ โรยัล เอ็นฟีลด์

การแต่งตั้งเพื่อรับตำแหน่งในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโรยัล เอ็นฟีลด์ ในการเดินหน้าขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดต่างประเทศ โดย มาโนจ จะเป็นผู้นำในการกำหนดและดำเนินกลยุทธ์สำคัญที่ครอบคลุมทั้ง การขาย การบริการหลังการขาย กลยุทธ์โปรโมทผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ การประชาสัมพันธ์และการตลาด รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจเสื้อผ้า (Apparel) อุปกรณ์ตกแต่งแท้ (Genuine Motorcycle Accessories) และธุรกิจต่อยอดอื่น ๆ
มาโนจ กาจาร์ลาวาร์ เข้าร่วมงานกับ โรยัล เอ็นฟีลด์ มาตั้งแต่ปี 2008 ด้วยประสบการณ์กว่า 17 ปี ตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญในการดูแลและขับเคลื่อนธุรกิจต่างประเทศครอบคลุม เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา ภูมิภาค SAARC รวมถึงธุรกิจอะไหล่และ REown ตลอดเส้นทางการทำงาน มาโนจได้รับความไว้วางใจให้บริหารและพัฒนาธุรกิจในหลายภูมิภาค และมีบทบาทสำคัญในการสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ให้กับแบรนด์
การแต่งตั้งในครั้งนี้ตอกย้ำกลยุทธ์ของโรยัล เอ็นฟีลด์ ในการดึงดูดบุคลากรระดับโลกและปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตและเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในตลาดนานาชาติ







