พีที (PT) ชูกลุ่มธุรกิจ Non-Oil ดันรายได้บริษัทเติบโตในสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว คาดเป้าหมายสัดส่วนรายได้ระหว่าง กลุ่มธุรกิจน้ำมัน (Oil) และ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Non-Oil) จะเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทุ่ม 40 ล้าน เปิดสถานีชาร์จไฟฟ้า PT GIGA EV ต้นแบบแห่งแรกที่ไม่มีจำหน่ายน้ำมันในสถานี
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า สัดส่วนรายได้ระหว่างกลุ่มธุรกิจน้ำมัน (Oil) และ กลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Non-Oil) ที่บริษัทเคยคาดการณ์ไว้ว่าจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 50% ต่อ 50% ในปี 2571 จะมีการปรับคาดการณ์ให้เร็วขึ้นเป็นปี 2570
ทั้งนี้ ปัจจุบันกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil อยู่ที่ 25% และคาดว่าภายในปีนี้จะอยู่ที่ 30-35% โดยมี กาแฟพันธุ์ไทย เป็นธุรกิจที่มีอัตราเติบโตสูงและกำไรดี สำหรับกลุ่มธุรกิจนี้จะเป็นที่ยังคงทำให้บริษัทเติบโตแม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว
ขณะที่ สถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกและในประเทศชะลอตัว ซึ่งมาจากประเด็นหลักในตอนนี้คือ นโยบายทางภาษีของสหรัฐ โดยประเทศไทยจะมีผลในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ซึ่งต้องรอความชัดเจนในเวลานั้น ประกอบกับการคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่มีการคาดการณ์การลดลงเหลือ 1% โดยจะสอดคล้องกับอัตราการบริโภคพลังงานในประเทศไทยที่คาดว่าทั้งปีจะลดลงราว 2-3% อย่างไรก็ตาม สะท้อนออกมาในช่วงไตรมาส 1/2568 แล้ว แต่จะต้องติดตามอีกครั้งในช่วงครึ่งปี
ล่าสุด บริษัทได้ใช้เงินลงทุนมูลค่าราว 40 ล้านบาท ในการเปิดสถานีชาร์จไฟฟ้า PT GIGA EV ซึ่งเป็นต้นแบบแห่งแรกที่ไม่มีจำหน่ายน้ำมันในสถานี พร้อมมีบริการ ธุรกิจ Non-Oil ได้แก่ กาแฟพันธุ์ไทย, Subway และ ศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์ AUTOBACS โดยตั้งอยู่บริเวณ ซอยลาดพร้าววังหิน 59
สถานีบริการ PT GIGA EV สาขาแรก มุ่งเน้นการเจาะพื้นที่ในเขตชุมชนซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่มีการเติบโตสูงและมีความต้องการใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถานีบริการดังกล่าวเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมี EleX by EGAT PT จำนวน 5 ตู้ชาร์จ 10 หัวชาร์จไฟฟ้า รองรับกำลังอัดประจุสูงสุดที่ 180 kW
พร้อมกันนี้ ได้มีการจัดโปรโมชั่น “ชาร์จไฟฟ้าเพียง 1 บาทต่อหน่วย” จากราคาปกติหน่วยละ 7.5 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม – 24 สิงหาคม 2568 (เฉพาะสาขาลาดพร้าว–วังหิน เท่านั้น)
นายพิทักษ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในสถานีบริการน้ำมัน พีที (PT) มีจำนวน 200 จุดทั่วประเทศ และมีอัตราการเติบโตของปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 20% โดยการลงทุนเปิดสถานีชาร์จไฟฟ้าต้นแบบนี้ถือเป็นการเก็บข้อมูลการใช้งานและพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อนำไปพิจารณาการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้ารูปแบบดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาเก็บข้อมูลและตัดสินใจขยายภายในเพิ่มเติมภายในสิ้นปี 2568 นี้ โดยคาดว่าจะเริ่มในพื้นที่ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ก่อนที่จะขยายไปยังต่างจังหวัด ซึ่งต้องพิจารณาจากปริมาณผู้ใช้งานและความหนาแน่นของประชากรรถยนต์ไฟฟ้า 100%