นายธวัชชัย จึงสงวนพรสุข กรรมการบริหาร บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด (PNA) ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Leapmotor อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 1 ปีผ่านมา (นับตั้งแต่ กันยายน 2567 ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ) ก่อนที่จะมีการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในรุ่น Leapmotor C10 ซึ่งมียอดขายสะสมจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ราว 100 คัน ที่ผ่านมาบริษัทเน้นการสร้างการรับรู้และสร้างแบรนด์เป็นหลักโดยล่าสุดได้มีการเปิดตัว Leapmotor B10 รถยนต์อเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% ในกลุ่ม B-SUV โดยได้รับการสนับสนุนในการทำราคาจำหน่ายจากบริษัทแม่โดยรถยนต์รุ่นดังกล่าวไม่ได้เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV3.5) ที่บริษัทในฐานะผู้จัดจำหน่าย (ดิสทริบิวเตอร์) ทำงานร่วมกับกับบริษัทแม่อย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : Stellantis ประกาศแต่งตั้ง “พระนครยนตรการ” เป็นตัวแทนจำหน่าย Leapmotor ในไทยอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ รถยนต์รุ่นดังกล่าวเปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศไทย 3 รุ่นย่อย 2 ทางเลือกแบตเตอรี่ขนาด 56.2 kWh วิ่งไกลสูงสุด 442 KM. และ 67.1 kWh วิ่งไกลสูงสุด 516 KM. ตามมาตรฐาน NEDC ราคาเริ่มต้น 698,000 – 798,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษรับส่วนลด 10,000 บาท จำนวน 1,000 สิทธิ์
ขณะที่ Leapmotor B10 ตั้งเป้ายอดขายไว้อยู่ที่ 1,500 คัน ใน 1 ปีจากนี้ และคาดว่ายอดขายรวมของ Leapmotor ในปี 2568 จะอยู่ที่ 1,000 คัน และในปี 2569 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1,800 คัน จากรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น คือ C10 และ B10 ส่วนแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่จะมีการเปิดตัวอย่างน้อย 1 รุ่น/ปี ซึ่งในปีหน้าจะมีการเปิดตัวรุ่นใหม่ในประเทศไทยเช่นเดียวกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : LeapMotor B10 รถไฟฟ้า100% ราคาอย่างเป็นทางการ : 688,000 – 788,000 บาท | B-SUV แบต 67.1 kWh DC 168 kW
นอกจากนี้ ที่ผ่านมามีผู้จองสิทธิ์ล่วงหน้า (Pre-Booking) จำนวน 300 สิทธิ์ และในล็อตแรกมีรถพร้อมส่งมอบอยู่ที่ 450 คัน และทั้งปีนี้จะมีจำนวนรถพร้อมส่งมอบรวมอยู่ที่ 850 คัน โดยหลังจากนี้มีแผนที่จะจัดกิจกรรมทางการตลาดโรดโชว์ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ
นายธวัชชัย กล่าวว่า แผนการขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย (ดีลเลอร์) ภายในปี 2570 จะมีจำนวนอยู่ที่ 30 แห่ง จากปัจจุบันมีจำนวนอยู่ที่ 15 แห่ง ทั่วประเทศ ส่วนการบริการหลังการขายบริษัทมีความพร้อมในการสต๊อกอะไหล่จำนวน 90% ที่เป็นช่วนส่วนหมุนเร็ว (Fast Moving Part) ที่ศูนย์กระจายสินค้าในประเทศไทย อีกทั้ง Stallentis ได้มาตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคที่ประเทศมาเลเซีย จึงมีความพร้อมในการนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่แบบเร่งด่วนได้ภายใน 2 วัน
อย่างไรก็ตาม Stallentis มีการพูดคุยกับ บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี ในการประกอบรถยนต์ในประเทศไทยหลังจากนี้ อีกทั้งยังได้มีการประกาศนโยบายความยืดหยุ่นในการจำหน่ายรถยนต์ในเครือ Stallentis ของดีลเลอร์ที่สามารถจำหน่ายและรับบริการได้ จึงส่งผลให้มีความคุ้มค่าด้านการลงทุนแต่การเจรจากับดิสทริบิวเตอร์ที่จำหน่ายแบรนด์อื่นของ Stallentis ในประเทศไทย จะขึ้นอยู่กับดีลเลอร์แต่ละรายที่จะต้องเป็นผู้เจรจาเอง
