ราคาอย่างเป็นทางการ Nissan LEAF Minorchange (2023) : 1,590,000 บาท | แบต 40 kWh วิ่งไกล 311 km.

Nissan LEAF Minorchange รถไฟฟ้า100%

ราคาอย่างเป็นทางการ (นำเข้า CBU จากญี่ปุ่น)

LEAF Minorchange EV 1,590,000 บาท

Nissan Leaf จะมาพร้อมเงื่อนไขการรับประกัน

รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
รับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร

สิ่งที่ Nissan LEAF Minorchange แตกต่างจากรุ่นเดิม

เปลี่ยน กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่
เปลี่ยน ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว ลายใหม่
เพิ่ม สีตัวถังภายนอก จากเดิม 1 สี เป็น 9 สี
เพิ่ม ภายในห้องโดยสาร สีเทาอ่อน
เปลี่ยน หัวชาร์จ Type 1 / CHAdeMo เป็น Type 2 / CHAdeMo
เพิ่ม หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
เพิ่ม ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Intelligent Mobility
ปรับราคาลดลง 400,000 บาท (จากเดิมเปิดตัว 1,990,000 บาท)
- หากไม่นับรวมส่วนลดล้างสต๊อก ราคาครั้งสุดท้ายที่ 959,000 บาท

“ LEAF ” แปลว่า ใบไม้ ขณะเดียวกัน ก็ย่อมาจากแนวคิดพื้นฐานที่ทีมวิศวกรของ Nissan กำหนดไว้ว่าจะต้องเป็น

Leading
Environmentally friendly
Affordable
Family car

Powertrain ขุมพลัง

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous Electric Motor รหัส EM57 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,283 – 9,795 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,283 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Single Speed แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 40 kWh

ตัวเลขเคลมจากโรงงาน

อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.9 วินาที
Top Speed ความเร็วสูงสุด 144 km/h

Charging การชาร์จไฟฟ้า

รองรับหัวชาร์จแบบ Type 2 / CHAdeMO

ระยะทางวิ่งไกลสุด 311 km. ต่อชาร์จ (มาตรฐาน NEDC)
ระยะทางวิ่งไกลสุด 270 km. ต่อชาร์จ (มาตรฐาน WLTP)
กระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 3.6 kW ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง
กระแสสลับ AC Wallbox รองรับสูงสุด 6.6 kW ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง
กระแสตรง DC Fast Charging รองรับสูงสุด 46 kW ใช้เวลาจาก 0-80% ประมาณ 30 นาที

Dimension มิติตัวถัง

ยาว 4,480 มิลลิเมตร
กว้าง 1,790 มิลลิเมตร
สูง 1,540 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ Wheelbase 2,700 มิลลิเมตร
ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd = 0.28
ที่เก็บสัมภาระ ขนาด 435 ลิตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance 145 มิลลิเมตร

NEW Nissan LEAF จะมาพร้อมแป้น e-Pedal ที่สามารถเร่ง และ เบรกได้ในแป้นเดียว ผู้ใช้งาน e-Pedal สามารถเริ่มใช้งานอย่างง่ายดาย เพียงกดปุ่ม e-Pedal ที่อยู่บริเวณฐานเกียร์เพื่อให้ระบบทำงาน จากนั้นทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเท้าขวา ดังนี้

เหยียบคันเร่งตามปกติ เพื่อเร่งความเร็ว
ผ่อนคันเร่งโดยที่ไม่ได้ยกขาออกจากคันเร่ง เพื่อลดความเร็ว
ถอนเท้าออกจากคันเร่งทั้งหมด เพื่อหยุดรถยนต์ ซึ่งวิธีนี้สามารถหยุดรถได้ทั้งระหว่างติดไฟแดง และ บนทางลาดชัน
หากต้องการออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง สามารถทำได้ด้วยการเหยียบคันเร่งอีกครั้ง

ทั้งนี้ แป้นเบรกแบบปกติที่เราคุ้นชินกัน ยังคงติดตั้งมาให้ในรถไฟฟ้าคันนี้ ให้คนขับใช้ลดความเร็วได้ตามปกติ หรือใช้เบรกในกรณีฉุกเฉินระหว่างที่ใช้ e-Pedal อยู่

Exterior ภายนอก

ล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว 6.5J x 17″
ยาง ขนาด 215/50 R17
ระบบเบรกคู่หน้า ดิสก์เบรก / คู่หลัง ดิสก์เบรก
มือเปิดประตูภายนอก โครเมียม
ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED พร้อม Daytime Running Light
ไฟตัดหมอกคู่หน้า
ไฟหน้าปรับระดับสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ
กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า

Interior ภายในห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ / สีเทาอ่อน (สีภายนอก ทูโทน)
มือเปิดประตูภายในห้องโดยสาร โครเมียม
เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ / สีเทาอ่อน ตกแต่งด้วยขอบสีฟ้า
พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
กระจกหน้าต่างไฟฟ้า One-touch พร้อม Protection Jam ฝั่งคนขับ
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
เบาะนั่งด้านหลัง พร้อมพนักศีรษะ 3 ตำแหน่ง
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
- แสดงระยะทาง
- แสดงพลังงานไฟฟ้า
- อุณหภูมิแบตเตอรี่
- การใช้พลังงาน
- อุณหภูมิภายนอก
- เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่
- อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ
ระบบกุญแจ Intelligent Keyless Entry
กระจกมองหลังพร้อมกล้องส่องภาพจากภายนอก Intelligent Rear View Monitor
ปุ่มสตาร์ทระบบขุมพลัง Push Start Button
แป้นคันเร่ง e-pedal
หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว
รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
ช่องเชื่อมต่อ AUX / USB
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
ลำโพง 4 ตำแหน่ง