สำนักข่าวต่างประเทศรายงานระบุถึงประกาศสำคัญจาก นายมาโกโตะ ยูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ที่ออกมาประกาศการลดผลตอบแทนรายเดือนของตัวเอง อาทิ ปรับลดเงินเดือนตัวเองลง 50% อีกทั้งเหล่าคณะผู้บริหารระดับสูงทุกคนก็สมัครใจปรับลดผลตอบแทนของตัวเองด้วยเช่นกัน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการปรับโครงสร้างพลิกฟื้นธุรกิจของ นิสสัน (Nissan) ครั้งใหญ่ตามที่ได้มีการประกาศไว้ก่อนหน้านี้
“แผนการพลิกฟื้นนิสสันไม่ได้หมายความว่าธุรกิจรถยนต์ของนิสสันหดตัวลง นิสสันจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ให้มีความเพรียวและคล่องตัวสูงมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน จะปรับเปลี่ยนสายการบริหารให้สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นได้ดีขึ้นรับการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในภาวะสิ่งแวดล้อมของธุรกิจยานยนต์”
ทั้งนี้ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2567 บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศการเตรียมความพร้อมในการลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานครั้งใหญ่ด้วย 3 มาตรการ ได้แก่
- ปลดพนักงานครั้งใหญ่จำนวน 9,000 คน
- ปรับลดกำลังการผลิตลง 20% จากกำลังการผลิตในปัจจุบัน
- ขายหุ้นในสัดส่วน 10% ที่นิสสัน มอเตอร์ ถืออยู่ใน มิตซูบิชิ ที่ 34% คืนให้ มิตซูบิชิ มอเตอร์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : Nissan-Honda-Mitsubishi ร่วมมือพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและโอกาสทางธุรกิจใหม่
ขณะที่ ยังมีการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของปีงบประมาณ 2566 (ระหว่าง เมษายน 2566 – มีนาคม 2567) จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 5 แสนล้านเยน (1.1 แสนล้านบาท) ลดลงเหลือ 1.5 แสนล้านเยน (3.3 หมื่นล้านบาท) หรือลดลงกว่า 70% ของเป้าหมายเดิม
สำหรับ สาเหตุดังกล่าวเกิดจาก นิสสัน ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงตลอดเวลา จากแบรนด์รถยนต์ในเอเชียโดยเฉพาะจีน เช่น บีวายดี และแบรนด์รถยนต์จากสหรัฐอเมริกา เช่น เทสลา ซึ่งการตัดสินใจตัดลดค่าใช้จ่ายดังกล่าวนั้น นับเป็นความท้าทายและความพยายามครั้งล่าสุดของ “มาโกโตะ ยูชิดะ” ที่ได้ประกาศไว้ว่าจะปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ท่ากลางยอดขายรถยนต์ของแบรนด์นิสสันชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หลุดสเป็ค Nissan Serena 2.0 S-Hybrid (C27) เวอร์ชั่นไทย เปิดตัว พฤศจิกายน 2024 นี้ คาดราคา 1.4xx ล้านบาท
ด้าน ผลประกอบการของ นิสสัน มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 (ระหว่างเดือร ก.ค.-ก.ย. 2567) Nissan มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านเยน (7,136 ล้านบาท) ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 51% หรือที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีกำไรอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านเยน (1.4 หมื่นล้านบาท)