นับตั้งแต่เข้าปีนี้มา Audi ได้เดินหน้าปรับโครงสร้างชื่อผลิตภัณฑ์ของตน ส่งผลให้ชื่อ Audi A4 ที่ออกขายมานานกว่า 30 ปี จะไม่มีอีกต่อไป และ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Audi A5 แทน โดยมีให้เลือกทั้งตัวถัง 4 ประตู Sedan และ 5 ประตูทรง Wagon ในชื่อ A5 Avant พร้อมทางเลือกตัวแรงด้วยขุมพลัง V6 ในรหัส S5 ทั้งหมดพัฒนาขึ้นบนงานวิศวกรรม Premium Platform Combustion (PPC) และ จะผลิตจากโรงงานในเมือง Neckarsulm เยอรมนี
Audi A5 ปรับสัดส่วนตัวถังให้ดู premium กับรูปลักษณ์ฐานล้อยาว และดูสปอร์ตเพราะเตี้ยลง รวมทั้งใส่ล้อขนาดใหญ่ ทั้งยังมีแนวหลังคาหลัง และกระจกหลังลาดลงสไตล์ coupé ผสานกับช่วงท้ายสั้น สำหรับตัวถัง Avant จะปรับดีไซน์เสาหลังคา d-pillar ให้ดูสูงชัน ด้านหน้าคงเอกลักษณ์กระจังหน้าแบบ Singleframe ที่มีช่องกระจังแบบ 3 มิติ ฝากระโปรงหน้าดูจมลงไปกับตัวถังอย่างแนบเนียน โคมไฟหน้าและไฟท้ายยังเป็นแบบ digital OLED 3 มิติ
ห้องโดยสารของ Audi A5 ออกแบบขึ้นจาก 4 ประการหลัก อันแรกให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง ต่อมาคือเป็น Digital Stage หรือให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมองเห็นหน้าจอ Audi MMI display อย่างชัดเจน ถัดไปเป็นการจัดวางส่วนควบคุมให้สะอาดตาและใช้งานง่าย และปัจจัยสุดท้ายคือ Visual Clarity ทำให้มีระบบแสดงแสงสีเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน ส่วนระบบแสดงผลดิจิตอล ประกอบด้วย มาตรวัดขนาด 11.9 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 14.5 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลฝั่งผู้โดยสารขนาด 10.9 นิ้ว ส่วนขุมพลังมีรายละเอียดดังนี้
2.0 TFSI เบนซิน
เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TFSI เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 150 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ DCT ขับเคลื่อนล้อหน้า
เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TFSI เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ DCT ขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ ขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro
2.0 TDI ดีเซล
เครื่องยนต์ดีเซล แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร TDI เทอร์โบ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 3,250 รอบ/นาที พ่วงระบบ Mild Hybrid 48 โวลต์ จับคู่เกียร์อัตโนมัติ DCT ขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ ขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro
Audi S5 V6 3.0 TFSI เบนซิน
ส่วน Audi S5 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร TFSI เทอร์โบ กำลังสูงสุด 367 แรงม้า พ่วงระบบ Mild Hybrid 48 โวลต์ จับคู่เกียร์อัตโนมัติ s tronic แบบ DCT ขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro พร้อม sport differential และระบบกระจายแรงบิด torque vectoring ซึ่งผสานการทำงานกับ all-wheel drive clutch แบบปรับการทำงานได้
ช่วงล่างและพวงมาลัยของ Audi A5 ได้รับการปรับแต่งให้ตอบสนองเฉียบคม ตามแบบฉบับของค่าย ทั้งยังสามารถสั่งติดตั้งโช๊คอัพแบบ adaptive เพิ่มได้ ซึ่งจะให้ความนุ่มนวล และความสปอร์ตที่แตกต่างกันยิ่งขึ้น สำหรับกำหนดการเปิดรับจองในเยอรมนี ได้เริ่มขึ้นแล้วในเดือนกรกฏาคมนี้ สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่นั่น โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย 42,500 ยูโร (ราว 1,683,000 บาท)
ที่มา: Audi
