MG HS มีทายาทรุ่นใหม่ตามมาแล้ว 2nd Generation โดยเปิดตัวไปที่อังกฤษในงาน Goodwood Festival of Speed เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2024 โดยมาพร้อมทางเลือก 5 สีตัวถัง ประกอบด้วย สีขาว White Pearl, สีดำ Black Pearl, สีเงิน Sterling Silver Metallic, สีเทา Hampstead Grey Metallic และ สีแดง Dynamic Red Tri-coat ส่วนมีมิติตัวถังมีรายละเอียดดังนี้
All NEW MG HS
- ยาว : 4,655 มิลลิเมตร
- กว้าง : 1,890 มิลลิเมตร
- สูง : 1,634 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,765 มิลลิเมตร
MG HS รุ่นเดิม
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,574 x 1,876 x 1,664 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ Wheelbase : 2,720 มิลลิเมตร
เทียบกับรุ่นเดิม พบว่า All NEW MG HS 2nd Generation ยาวขึ้น 81 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 14 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 45 มิลลิเมตร ส่วนความสูงเตี้ยลง 30 มิลลิเมตร
All NEW MG HS ปรับสัดส่วนตัวถังใหม่ให้สมส่วนขึ้น ด้วยการลดระยะ overhang, ยกเส้นสายตัวถัง และมีสัดส่วนกระจกลดลง กระจังหน้าเป็นดีไซน์ใหม่ของค่ายแบบเดียวกับ MG 3 รุ่นใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไป ไฟหน้าเป็นแบบเพรียวบาง เชื่อมต่อหากันผ่านแถบสีดำ ส่วนไฟท้ายออกแบบมาให้มีทรวดทรงล้อไปกับไฟหน้า ล้อมีขนาด 19 นิ้ว พร้อมตัดสี Diamond Cut
ห้องโดยสาร All NEW MG HS มีให้เลือกทั้งโทนสีดำหรือสีน้ำตาล Tan แถมกว้างขึ้นจากรุ่นก่อน ทั้งพื้นที่โดยสารและบรรทุกสัมภาระด้านหลัง ซึ่งมีความจุ 507 ลิตร มากขึ้นจากเดิม 44 ลิตร พวงมาลัย 3 ก้านและหัวเกียร์ปรับทรงใหม่ ระบบแสดงผลมีหน้าจอคู่ขนาดจอละ 12.3 นิ้ว เข้าด้วยกัน สามารถปรับ theme แสดงผลระหว่าง light และ dark ส่วนเบาะผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทางพร้อมที่รองน่อง
ขุมพลังของ All NEW MG HS มีให้เลือกด้วยกันสองแบบ ดังรายละเอียดเบื้องต้นต่อไปนี้
1.5 TURBO
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 169 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 275 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ DCT 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h ใน 9.4 วินาที
Plug-in Hybrid
เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 1.5 ลิตร พ่วงเทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 142 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 92 แรงม้า เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้พละกำลังสูงสุด 210 แรงม้า แบตเตอรี่ขนาด 24.7 kWh พร้อมระบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟ
- อัตราเร่ง 0 – 100 km/h ใน 6.8 วินาที
- วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนระยะไกลสุด 120 กิโลเมตร (WLTP)
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ของ All NEW MG HS มีทั้งกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา surround view camera ทั้งยังมี MG Pilot package ที่มาพร้อมกับระบบลดความเร็วโดยอัตโนมัติ ตรวจจับคนเดินถนนและจักรยานได้, ระบบรักษารถยนต์ให้อยู่ในช่องจราจร พร้อมหน่วงพวงมาลัยกลับ, ระบบเบรกอัตโนมัติ เมื่อตรวจพบยานพาหนะขณะถอยออกจากมุมอับ และระบบแจ้งเตือนว่าตรวจพบพาหนะ ในขณะที่กำลังจะเปิดประตู
All NEW MG HS มาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถยนต์นาน 7 ปี หรือ 80,000 ไมล์ (128,747 กิโลเมตร) ส่วนกำหนดการออกจำหน่าย พร้อมรับจองรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบแล้ว โดยจะเริ่มส่งมอบในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนรุ่น PHEV คาดว่าจะตามมาในช่วงปลายเดือนกันยายน สนนราคาจำหน่ายในอังกฤษ โดยที่ยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย แบ่งตามประเภทขุมพลังดังนี้
- รุ่นเบนซินเทอร์โบ ราคาเริ่มต้น 24,995 ปอนด์ (ราว 1,148,000 บาท)
- รุ่น Plug-in Hybrid ราคาเริ่มต้น 33,995 ปอนด์ (ราว 1,562,000 บาท)
สำหรับประเทศไทย คาดว่า All NEW MG HS รุ่นที่ 2nd Generation จะเปิดตัวภายในปีหน้า 2025 นี้ และ อาจจะเหลือเพียงขุมพลัง Plug-in Hybrid 220 แรงม้า แบต 24.7 kWh วิ่งไฟฟ้าล้วน 120 km. (WLTP) ให้เลือกเพียงแบบเดียว
ที่มา: MG