นายมาโนช มั่นจิตจันทรา กรรมการ บริษัท เอ็กซอนโมบิล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด และผู้จัดการฝ่ายขายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดน้ำมันหล่อลื่นในประเทศไทย อยู่ในระดับ 600 ล้านลิตร/ปี ซึ่งไม่เติบโตมาแล้วเป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2564-2566 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และ สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ผู้บริโภคยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นออกไป
ทั้งนี้ ในปี 2567 ยังถือเป็นความท้าทายของอัตราการบริโภคพลังงานในประเทศไทย จากการคาดการณ์การใช้พลังงานในประเทศไทย และ อัตราผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่คาดว่าจะเติบโตในระดับ 2-3% เท่านั้น
ขณะที่ กระแสของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราเติบโตในระดับมากกว่า 700% หรืออยู่ที่ราว 7.3 หมื่นคัน และมีการคาดการณ์จากหลายฝ่ายที่มองว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะมีปริมาณการจำหน่ายอยู่ที่ 1-1.3 แสนคันในปีนี้
ในฐานะบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นเราได้จับตาดูถึงกระแสดังกล่าว ที่แม้ว่าจะมีอัตราเติบโตที่สูง แต่ในแง่ปริมาณยังอยู่ในระดับน้อยในตลาดรถยนต์ของประเทศ และตามแผนของรัฐบาล 30@30 ที่จะมีสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วน 30% ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในเวลานั้นก็ยังมีสัดส่วนน้อยอยู่ดี แต่เราก็มองหาโอกาสทางธุรกิจในกระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่ต้องใช้น้ำมันหล่อลื่นในส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์ไฟฟ้า เช่น น้ำมันเกียร์, จารบี, สารระบายความร้อนเป็นต้นเพื่อทดแทนปริมาณการใช้น้ำมันหล่อลื่นใสนเครื่องยนต์ที่ลดลง
นอกจากนั้น ExxonMobil ในระดับโลกยังมีความสัมพันธ์กับ BYD ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจในการส่งมอบน้ำมันหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ให้โรงงาน BYD ที่ประเทศจีน ดังนั้นการตั้งโรงงานในประเทศไทยของ BYD จึงอาจจะเป็นโอกาสทางธุรกิจของเราเช่นกัน
นายมาโนช กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 10% สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มน้ำมันหล่อลื่นเรือธง Mobil 1™ และ Mobil Super™ ผ่านเครือข่ายพันธมิตรในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 700 แห่ง และศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์มากกว่า 1,400 แห่ง ซึ่งรวมถึงเครือข่ายการดูแลรถยนต์ภายใต้แบรนด์ Mobil™ ศูนย์บริการบี–ควิก และ ออโต้วัน ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าขยายจุดบริการเพิ่มขึ้น 30-50 แห่งในปีนี้
อีกทั้ง ในปี 2566 ที่ผ่านมา ธุรกิจน้ำมันเครื่องของ Mobil มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 3% และในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีอัตราเติบโตที่ 3% เช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นอัตราเติบโตที่น่าพอใจ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการเพิ่มการส่งออกน้ำมันหล่อลื่นในรูปแบบผลิตทดแทน (OEM) ในสัดส่วน 20% ของรายได้รวม และ 80% เป็นการจำหน่ายในประเทศ ซึ่งบริษัทยังคงอยู่ในอันดับท็อป 3 ของน้ำมันหล่อลื่นกลุ่มพรีเมี่ยมในตลาดผู้จำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นในประเทศไทย
“การตั้งเป้าการเติบโต 10% ในปีนี้ถือเป็นความท้าทาย ที่มีอัตราการเติบโตเหนือตลาดและในสถานการณ์ตลาดที่ทรงตัว ดังนั้นเราจึงต้องทำการบ้านอย่างหนักในการเข้าถึงผู้ใช้งานและผู้ประกอบการ”
อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปบริษัทจะเน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ ด้วยชื่อเสียงที่แข็งแกร่งที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี ของ Mobil ให้ผู้บริโภคชาวไทยได้รับรู้อย่างเข้มข้นอีกครั้ง ซึ่งจากการสำรวจตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า 80% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เชื่อมั่นในศูนย์บริการแบบครบวงจร (ฟาสต์ฟิต) และ อู่ซ่อมรถ ในการแนะนำผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ดังนั้น บริษัทจะเน้นการทำตลาดใน 2 กลุ่มดังกล่าวเพื่อให้สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนที่จะช่วยเหลือสนับสนุน อู่ซ่อมรถ ที่ต้องการจะขยายธุรกิจเพื่อพัฒนาศักยภาพการให้บริการ และพร้อมที่จะแนะนำผลิตภัณฑ์ของบริษัท
