นาย มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของแบรนด์ใหม่ จากเดิมที่ใช้ซับแบรนด์ Mercedes-EQ จะถูกเปลี่ยนมาอยู่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz ทั้งหมดโดยรถยนต์ทุกรุ่นที่เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จะใช้ชื่อรุ่นตามด้วย “with EQ Technology” ส่วนรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจะตามด้วย “with EQ Hybrid Technology”
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับฐานราคาจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ของแบรนด์ทุกรุ่น ภายหลังการเปิดตัวและเรียนรู้พฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดประเทศไทยเป็นเวลากว่า 3 ปี (2565-2568) ซึ่งได้มีการศึกษาอย่างรอบด้านถึงผลกระทบในด้านการปรับฐานราคาจำหน่ายครั้งใหญ่นี้ทั้ง ในแง่ของผู้บริโภค, รีเทล พาร์ทเนอร์ ว่าความเหมาะสมของราคาที่ตลาดรับได้อยู่ในระดับใด
“บริษัทได้ปรับราคาจำหน่ายให้เข้าถึงง่ายมากขึ้น เพราะราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ แต่ด้วยต้นทุนการพัฒนาและการนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์และแบรนด์”
ดังนั้น การปรับฐานราคาในครั้งนี้จึงเป็นการปรับราคาแบบพลิกเกม (Game Changer) ของรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับแบรนด์ ซึ่งจะสมเหตุสมผลที่ผู้บริโภคจะสามารถตัดสินใจในความเป็นแบรนด์ลักชัวรี่ได้
ขณะเดียวกัน การปรับฐานราคาของบริษัทไม่ใช่การจัดแคมเปญหรือรายการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) แต่ได้มีการปรับราคาขายปลีก และจะปรับแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว จะไม่มีการเข้าสู่สงครามราคาอย่างแน่นอน
ส่วนรุ่นอื่น ๆ ของแบรนด์ ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) และ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่มีการปรับราคาจำหน่ายไปก่อนหน้านี้และมีการปรับในแต่ละช่วงเวลาเป็นการปรับตามกลไกตลาดและช่วงเวลาการจำหน่าย ไม่ใช่การปรับฐานราคาจำหน่ายแต่อย่างใด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ส่วนลด 3.21 ล้านบาท ! ราคาพิเศษ Mercedes-Benz EQS 500 4MATIC : 4,190,000 บาท | รถใหม่ ป้ายแดง
นาย มาร์ทิน กล่าวว่า บริษัทจะเปิดตัว Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป (Motor Expo 2025) ซึ่งจะเป็นโมเดลสำคัญที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยในเซกเมนท์ที่จับต้องได้
The New CLA วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ต้องการอัพเกรดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยบริษัทจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานและประมองว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทและเป็นโอกาสการเติบโตของประเทศไทย
Mercedes-Benz CLA 250+ with EQ Technology จะเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย ในการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ ทั้งในด้านสมรรถนะที่ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร รวมถึงการติดตั้งแบตเตอรี่ 800V ขนาด 85 kWh ที่ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุด 792 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP และมีประสิทธิภาพการชาร์จที่รองรับ DC Charge สูงสุด 320 kW โดยการชาร์จเพียง 10 นาที ด้วยกระแสไฟเต็มกำลัง จะสามารถขับขี่ได้ไกลถึง 325 กิโลเมตร รวมถึงการติดตั้งระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่ผสานการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้วยระบบ MBUX Virtual Assistance ที่ร่วมมือกับ Google นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชันระดับโลกมากมาย อาทิ ChatGPT, Gemini, Google Maps, Microsoft Teams, Webex, Zoom ฯลฯ
นอกจากนั้น รถยนต์รุ่นดังกล่าวยังมาพร้อมเแพลตฟอร์มใหม่ Mercedes-Benz Modular Architecture (MMA) โดยจะเป็นรุ่นแรกที่ประกอบในประเทศไทยทำให้กระบวนการผลิตรถยนต์ของทุกระบบขับเคลื่อนมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลดีต่อการกำหนดโครงสร้างราคาของรถยนต์เมอร์เซเดส–เบนซ์ ที่จะเปิดตัวในอนาคต
ล่าสุด บริษัทได้ร่วมมือกับ Powertech Energy พันธมิตรทางธุรกิจในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (EV) ให้กับ เมอร์เซเดส–เบนซ์ ซึ่งมีศักยภาพในการผลิต เทคโนโลยีแบตเตอรี่ 800V ขนาด 85 kWh รองรับการชาร์จ DC 320 kW ซึ่งจะผลิตให้กับ เมอร์เซเดส–เบนซ์ แต่เพียงผู้เดียวโดยได้มีการเซ็นสัญญาการซื้อระยะยาวสำหรับรองรับตลาดในประเทศไทย
ขณะที่ ธนบุรีประกอบรถยนต์ ยังคงเป็นผู้ประกอบรถยนต์ให้กับ เมอร์เซเดส–เบนซ์ และ แบตเตอรี่ สำหรับรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมจัดแคมเปญ DEFINING ELECTRIC: Reimagine Intelligence. พร้อมรับข้อเสนอพิเศษส่วนลดสูงสุด 3 ล้านบาท พร้อมโปรแกรม mySTAR รับประกันแบตเตอรี่ 10 ปี หรือไม่เกินระยะทางสูงสุด 250,000 กิโลเมตร, รับฟรี Mercedes-Benz Wall Box, ประกันภัยชั้น 1 ฟรี, ชาร์จ DC ไม่จำกัดจำนวนครั้งฟรี 1 ปี ที่สถานี SHARGE พร้อมร่วมทดลองขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จำนวน 8 รุ่น ซึ่งจัดขึ้นที่ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ในวันที่ 15-17 สิงหาคม 2568 และโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ (Central Village) ในวันที่ 23-24 และ 30-31 สิงหาคม 2568
นับตั้งแต่เปิด Pre-Booking แคมเปญดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2568 ถึงปัจจุบันมียอดจองเข้ามามากกว่า 220 คัน
