ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีการนั่งล้อมวงคุยกันเรื่องการออกแบบกับ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส–เบนซ์) ซึ่งครั้งนี้มีหนึ่งในดีไซน์เนอร์ผู้ออกแบบ The new CLA อย่าง “เดนนิส บริงส์” (Dennis Brings) Senior Designer จากสตูดิโอ Mercedes-Benz Design ในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานในแผนก “Lights & Parts” ภายในงาน CLASS OF ITS OWN. “The new CLA Designer Talk”
เดนนิส บริงส์ มีประสบการณ์ในฐานะดีไซน์เนอร์ที่สำนักงานใหญ่ของ เมอร์เซเดส–เบนซ์ มานานกว่า 14 ปี ได้กล่าวถึงแนวคิดการออกแบบและองค์ประกอบสำคัญของ The new CLA
“ในฐานะที่เราเป็นแบรนด์สัญชาติเยอรมันซึ่งขึ้นชื่อในด้านการออกแบบ ดังนั้นจึงเป็นส่วนสำคัญที่ต้องสื่อสารออกไปผ่านผลิตภัณฑ์ของเราที่มี ความเป็นอมตะ ความเป็นเลิศ สื่อถึง อารมณ์ความดึงดูดและพลัง”
CLA 250+ with EQ Technology ออกแบบภายใต้แนวคิด “Sensual Purity” ดีเอ็นเอของแบรนด์ที่สะท้อนไอคอนนิกสไตล์อันหรูหราและเรียบง่าย แต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตา
สำหรับผลงานของ เดนนิส บริงส์ ที่ภาคภูมิใจใน รถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นดังกล่าวนี้คือ ไฟหน้าดาวสามแฉก ซึ่งถูกใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งมีแรงบันดาลใจในการออกแบบให้เป็นตำนาน!

หากกล่าวถึง ความแรงของเครื่องยนต์ สิ่งที่ผู้ใช้งานคิดหรือแม้กระทั่งนักออกแบบคิดคือ “ท่อไอเสีย” ที่ต้องดุ ต้องเด่น แต่เมื่อเป็น รถยนต์ไฟฟ้า 100% สื่งที่ต้องโดดเด่นคือ “ไฟ” ที่ต้องมีลูกเล่น ต้องกระแทก ซึ่งครั้งนี้ได้มีการนำเสนอสัญลักษณ์ดวงดาวของแบรนด์ให้เข้ากับองค์ประกอบต่าง ๆ ของตัวรถ อาทิ กระจังหน้า Starpanel ในรูปแบบไฟแอนิเมชัน มีดวงดาวที่กระจังหน้า 142 ดวง, โคมไฟหน้าติดตั้ง Daytime Running Light รูปทรง Star Shaped และไฟท้าย Digital Jewelry ที่ผสานเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้ออกมาเป็นรายละเอียดของอัญมณีราวกับเครื่องประดับที่มาใช้ในการออกแบบ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : Mercedes-Benz ปรับกลยุทธ์-ปรับฐานราคา พลิกเกมรถยนต์ไฟฟ้าในไทย
ส่วนดีไซน์ภายในของ The new CLA ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนหินญี่ปุ่น หรือ “Zen Garden” สะท้อนศิลปะแห่งการลดทอนและคงไว้เฉพาะสิ่งที่เป็นแก่นแท้ เหลือไว้เพียงส่วนประกอบที่เป็นหัวใจของวิศวกรรมยานยนต์ เช่น การใช้วัสดุกระจกบนจอกลาง MBUX Superscreen วัสดุโลหะบนคอนโซลกลาง และวัสดุหนังบนแผงบุนุ่มบริเวณข้างประตู รวมถึงช่องแอร์ที่ถูกออกแบบมาพิเศษได้แรงบันดาลใจมาจากเครื่องเจ็ทของเครื่องบินพร้อมติดตั้งไฟ LED
แพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า ของ เมอร์เซเดส–เบนซ์ เริ่มต้นครั้งแรกในปี 2019 ภายใต้ชื่อ EVA1 ถือเป็นเจนเนอเรชั่นแรกที่ถูกปรับปรุงมาจากแพลตฟอร์มรถยนต์สันดาปภายใน ต่อมาในปี 2021 ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม EVA1.5 สถาปัตยกรรมรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Compact EV) ที่มีวิวัฒนาการ และในปีเดียวกันก็มีแพลตฟอร์ม EVA2 สำหรับยนต์ไฟฟ้าลักชัวรี่ กระทั่งในปี 2025 ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ Mercedes-Benz Modular Architecture (MMA) โดยใช้ใน CLA 250+ with EQ Technology
สำหรับในโมเดล Mercedes-Benz CLA ถือเป็นตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer) นับตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่แข็งแกร่งด้านยอดขายในประเทศไทยในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งมียอดขายมากว่า 2,000 คัน/ปี ในช่วงที่ผ่านมา โดยเป็นจุดเชื่อมโยงกลุ่มลูกค้าใหม่ให้กับ เมอร์เซเดส–เบนซ์ ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม CLA 250+ with EQ Technology จะเป็นก้าวสำคัญของเมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย ในการนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ตอบโจทย์ในทุกมิติ ทั้งในด้านสมรรถนะอันทรงพลังที่ให้กำลังสูงสุด 272 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตันเมตร รวมถึงการติดตั้งแบตเตอรี่ 800V ขนาด 85 kWh ที่ให้ระยะทางการขับขี่สูงสุด 792 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP และมีประสิทธิภาพการชาร์จที่รองรับ DC Charge สูงสุด 320 kW โดยการชาร์จเพียง 10 นาที สามารถขับขี่ได้ไกล 325 กิโลเมตร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : Mercedes-Benz CLA EV รถไฟฟ้า100% เปิดตัวในไทย ปลายปี 2025 นี้ (ประกอบไทย) วิ่งระยะ 792 km. (WLTP)
นอกจากนี้ The new CLA ยังถือเป็นรถยนต์ที่ล้ำสมัยที่สุดของเมอร์เซเดส–เบนซ์ ด้วยการติดตั้งระบบปฏิบัติการ MB.OS ที่ผสานการทำงานของเทคโนโลยี AI ด้วยระบบ MBUX Virtual Assistance ที่ร่วมมือกับ Google นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชันระดับโลกมากมาย อาทิ ChatGPT, Gemini, Google Maps, Microsoft Teams, Webex, Zoom ฯลฯ
CLA 250+ with EQ Technology จะเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42 หรือ มอเตอร์เอ็กซ์โป (Motor Expo 2025)