นายปิยะเทพ ศิวากาศ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ มาเซราติ ประเทศไทย (Maserati) เปิดเผยว่า ปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า ที่มียอดขายอยู่ที่ 50 คัน โดยปีที่ผ่านมาบริษัทยังมียอดค้างส่งมอบ (Back Order) อยู่จำนวนหนึ่ง จึงคาดว่าจะส่งผลให้ปีนี้มียอดขายเติบโตและอีกส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
นอกจากนั้นพฤติกรรมผู้บริโภคในปีที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยนไปคือรองานแสดงรถยนต์อย่างมอเตอร์โชว์และมอเตอร์เอ็กซ์โปส่วนช่วงระหว่างปีอาจจะมีชะลอตัวลงไปบ้างซึ่งอาจะเป็นไปได้ว่าในปีที่ผ่านมาภาพรวมบรรยากาศการใช้จ่ายชะลอตัวจากเศรษฐกิจชะลอตัวสำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดรถยนต์กลุ่มนี้เติบโตได้มาจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ราคาอย่างเป็นทางการ Maserati GranCabrio Trofeo เริ่มต้น 18,900,000 บาท | V6 3.0 เทอร์โบคู่ เปิดประทุน Soft Top
ขณะเดียวกัน บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในการเจาะกลุ่มลูกค้าด้วยการปรับไลน์อัพโมเดลที่เปิดตัวไปโฟกัสในกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง (ไฮ–เพอร์ฟอร์มานซ์) ในระดับ 500 แรงม้า ขึ้นไป ซึ่งสามารถสร้างยอดขายของบริษัทให้เติบโตขึ้นได้และสามารถทำให้ลูกค้าในกลุ่มเดิมซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นได้
ด้านลูกค้ากลุ่มใหม่ของรถยนต์กลุ่มนี้ จะมุ่งเน้นการเพิ่มโปรดักส์ไลน์อัพในส่วนของ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีอายุที่ลดลงและสนใจพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งการมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของแบรนด์ทำให้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ราคาอย่างเป็นทางการ Maserati GranCabrio Folgore รถไฟฟ้า100% เริ่มต้น 14,900,000 บาท | เปิดประทุน Soft Top
“พฤติกรรมลูกค้าในปัจจุบันของรถยนต์ในกลุ่มนี้มีการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดนี้ ดังนั้นเราจึงต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองทุกความต้องการที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์”
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว มาเซราติ กรันคาบริโอ (Maserati GranCabrio) ใหม่ 2 รุ่นพร้อมกันได้แก่ กรันคาบริโอ โทรเฟโอ (Trofeo) เครื่องยนต์สันดาปพลังแรง ‘เน็ททูโน’ (Nettuno) ราคาเริ่มต้น 18,900,000 บาท และ กรันคาบริโอ โฟลกอเร (Folgore) ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ราคาเริ่มต้น 14,900,000 บาท