ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) เผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน โดยสามารถส่งมอบรถยนต์ทั่วโลกรวม 2,967 คัน รายได้รวม 895.2 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 29.6% และทำกำไรจากการดำเนินงานแตะ 248.1 ล้านยูโร เติบโตขึ้นกว่า 32.8% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
นาย สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวว่า ผลลัพธ์ไตรมาสแรกถือเป็นเครื่องพิสูจน์ที่เด่นชัดถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ ซึ่งแม้จะอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน แต่ยอดส่งมอบในระดับโลกของบริษัทยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าการผสานสมรรถนะ นวัตกรรม และความเอ็กซ์คลูซีฟ โดยที่ยังคงรักษาคุณภาพและการปรับแต่งเพื่อลูกค้าเฉพาะรายนั้น เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ลัมโบร์กินีไตรมาสนี้เติบโต คือ การเดินสายการผลิตรถยนต์ตระกูล Revuelto ซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด V12 รุ่นแรกของค่ายอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเปิดตัว Urus SE รุ่นไฮบริดใหม่ในกลุ่ม Lamborghini Super SUV ซึ่งช่วยดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ของแบรนด์ในตลาดโลก
นาย เปาโล โพมา กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวว่า ไตรมาสแรกของปี 2568 Lamborghini สามารถรักษาสมดุลการกระจายยอดส่งมอบรถยนต์ได้ดีทั้งใน 3 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ EMEA (ภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา) จำนวน 1,368 คัน (+7%), ทวีปอเมริกา 1,034 คัน (+21%) และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 565 คัน (+14%)
สำหรับประเทศที่มียอดส่งมอบสูงสุดคือสหรัฐอเมริกา (933 คัน) ตามมาด้วยเยอรมนี (366 คัน) สหราชอาณาจักร (272 คัน) ญี่ปุ่น (187 คัน) อิตาลี (143 คัน) เกาหลีใต้ (134 คัน) ตะวันออกกลาง (104 คัน) สวิตเซอร์แลนด์ (95 คัน) ออสเตรเลีย (85 คัน) และฝรั่งเศส/โมนาโก (76 คัน)
ขณะที่ การกระจายตัวของยอดขายทั่วโลกสะท้อนถึงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของลัมโบร์กินีในการสร้างสมดุลระหว่างการขยายตลาดโลกโดยยังคงยึดมั่นบนรากฐานอันแข็งแกร่งในอิตาลี ทั้งนี้ คิวจองรถยนต์ Revuelto ในปัจจุบันยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง และมีระยะเวลารอรับรถนานกว่า 2 ปี
ลัมโบร์กินี สามารถทำตัวเลขผลประกอบการเติบโตได้ท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของบริบททางการค้า และถึงแม้มาตรการทางการค้าล่าสุดระหว่างยุโรปและสหรัฐอเมริกาจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการไตรมาสแรกของออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี แต่บริษัทยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินแนวโน้มในอนาคตและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจ โดย ลัมโบร์กินี ยังคงยืนยันจุดยืนในการสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศบนพื้นฐานของกติกาสากล ตลาดที่เปิดกว้าง และความสัมพันธ์อันมั่นคงระหว่างเขตเศรษฐกิจทั่วโลก บนพื้นฐานความเชื่อที่ว่ามาตรการกีดกันทางการค้าอาจส่งผลเสียต่อการเติบโต ความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาในระยะยาวของผู้ประกอบการทั่วโลก